หากพูดถึงแสงออโรร่า ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดการเรืองแสงหลากหลายสีสันบนท้องฟ้าอันปลอดโปร่งในยามค่ำคืน หลายคนอาจนึกถึงแสงเหนือที่ประเทศแถบยุโรปอย่างสวีเดน ฟินแลนด์ หรือไอซ์แลนด์ แต่ความจริงแล้วแสงออโรร่า (Aurora) นั้นอาจหมายถึงทั้ง Aurora Borealis หรือแสงเหนือบริเวณใกล้ขั้วโลกเหนือ และ Aurora Australis หรือแสงใต้บริเวณใกล้ขั้วโลกใต้ ขึ้นอยู่กับแหล่งกำเนิดของแสง แสงใต้นั้นมีเอกลักษณ์แตกต่างกับแสงเหนือตรงที่มีลำแสงหลากหลายสีสัน ทั้งเขียว เหลือง ชมพู และอีกหลายสี เพื่อนๆ สามารถไปดูกันได้ที่ประเทศใกล้ขั้วโลกใต้อย่างนิวซีแลนด์หรือออสเตรเลียนั่นเอง บางจุดที่ออสเตรเลียนั้นเพื่อนๆ สามารถมองเห็นแสงออโรร่าได้ตลอดทั้งปีเลยทีเดียว
ข้อควรรู้ก่อนจะไปดูแสงออโรร่าแถบขั้วโลกใต้นอกจากการเตรียมตัวเรื่องตั๋วเครื่องบิน ที่พัก และการเดินทางแล้วได้แก่ แสงออโรร่าไม่สามารถมองเห็นได้ทุกวัน ควรเช็คพยากรณ์ไปก่อน ทั้งพยากรณ์อากาศว่าคืนที่เราจะไปตามล่าแสงออโรร่านั้นท้องฟ้าปลอดโปร่งหรือไม่ ถ้าวันนั้นมีเมฆน้อยก็ยิ่งมีโอกาสสูงที่เราจะได้เห็นแสงใต้ นอกจากนั้นยังต้องเช็คพยากรณ์แสงออโร่ร่าที่เรียกว่าค่า KP ซึ่งมีค่าตั้งแต่ 0 – 9 ถ้าหากค่า KP สูงมากก็มีโอกาสจะได้เห็นแสงมากขึ้น หากค่า KP 1 – 2 จะสามารถเห็นแสงด้วยตาเปล่าเป็นสีขาวหรือเทาจางๆ คล้ายกับก้อนเมฆหมอก ถ้าค่า KP 2 – 4 จะสามารถเห็นแสงด้วยตาเปล่าเป็นสีเขียวชัดเจน ถ่ายรูปออกมาสวยมาก ถ้า KP 4 – 7 แสงก็ยิ่งสวยขึ้น กินพื้นที่กว้างขึ้น เคลื่อนไหวตลอดเวลา มองเห็นด้วยตาเปล่าได้อย่างสวยงาม ส่วน KP 7 – 9 นี่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ นอกจากจะเห็นแสงได้ชัดเจนแล้ว จะสามารถได้ยินเสียงของมันอีกด้วย
และไม่ใช่ว่าทุกประเทศทุกจุดแถบขั้วโลกใต้จะมีแสงออโรร่าให้เพื่อนๆ ได้เห็นกัน ดังนั้นเอ็กซ์พีเดียจึงได้รวบรวม 5 สถานที่น่าสนใจที่เพื่อนๆ สามารถไปดูแสงออโรร่าหรือแสงใต้ได้มาฝากกัน
ทำความรู้จักแสงใต้ แสงออโรร่าแห่งขั้วโลกใต้

ทะเลสาบเทคาโป (Lake Tekapo)
ประเทศนิวซีแลนด์

ภาพจาก : iStockPhoto
ทะเลสาบเทคาโปเป็นทะเลสาบน้ำจืดอยู่ไม่ไกลจากเมืองไครสต์เชิร์ช (Christchurch) เป็นสถานที่ท่องเที่ยวพักผ่อนยอดนิยมในประเทศนิวซีแลนด์ หากบอกว่าทะเลสาบเทคาโปเป็นเหมือนสวรรค์บนดินก็คงจะไม่เว่อร์เกินไป เพราะทะเลสาบเคทาโปมีความสวยงามทั้งตอนกลางวันและกลางคืน ในตอนกลางวันเพื่อนๆ จะได้เห็นภาพทะเลสาบสีฟ้าล้อมรอบด้วยเทือกเขาสุดอลังการ แถมยังมีดอกลูพินเบ่งบานสะพรั่งโดยรอบ เมื่อถึงเวลากลางคืนท้องฟ้าก็จะเต็มไปด้วยดวงดาวนับล้านดวงมาแทนที่ สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนเพราะทะเลสาบเทคาโปตั้งอยู่ในเขตสงวนท้องฟ้ายามราตรี มีมลพิษทางแสงไฟน้อยมาก ท้องฟ้าจึงมืดสนิท ทำให้เรามีโอกาสมองเห็นแสงออโรร่าหรือแสงใต้ได้อย่างชัดเจน ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ทะเลสาบเทคาโปเป็นหนึ่งในสถานที่ชมแสงออโรร่ายอดฮิตในนิวซีแลนด์นั่นเอง
ไม่เสียค่าใช้จ่าย
ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง
สามารถนั่งเครื่องบินจากกรุงเทพฯ ไปลงที่ท่าอากาศยานนานาชาติไครสต์เชิร์ช (Christchurch International Airport) จากนั้นวิธีที่สะดวกที่สุดคือการเช่ารถเพื่อขับจากไครสต์เชิร์ชไปยังทะเลสาบเทคาโป ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง แต่หากใครไม่อยากขับรถก็สามารถนั่งรถบัสอินเตอร์ซิตี้โคชไลน์ (InterCity Coachlines) สาย P ไปยังทะเลสาบเทคาโปได้ ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง 30 นาที ค่าใช้จ่าย NZD 21 – NZD 55
The Godley Hotel โรงแรมนี้ตั้งอยู่บนภูเขาในทะเลสาบ Tekapo ใกล้กับลานสกี สามารถเดินไปหอดูดาว Mount John Observatory และทะเลสาบเทคาโปได้ใน 10 นาที และยังอยู่ใกล้กับกีฬาฤดูหนาว เช่น สโนว์ทูบ ในขณะที่โบสถ์ Good Shepherd และอนุสาวรีย์ของสุนัขต้อนแกะอยู่ห่างไปโดยใช้เวลาเดินไม่เกิน 10 นาที หลังจากเล่นสกีบนเนินเขามาทั้งวันกลับมายัง The Godley Hotel เพื่อลิ้มลองเมนูอร่อยที่ร้านอาหาร จิบเครื่องดื่มที่บาร์/เลานจ์ และนอนแช่น้ำในสระว่ายน้ำกลางแจ้ง
Mantra Lake Tekapo อพาร์ทเมนท์ริมทะเลสาบแห่งนี้ คุณสามารถเดินไปทะเลสาบเทคาโป, หอดูดาว Mount John Observatory และอนุสาวรีย์ของสุนัขต้อนแกะได้ใน 10 นาที ส่วนโบสถ์ Good Shepherd และศูนย์สันทนาการ Tekapo Springs อยู่ห่างจากโรงแรมไปไม่เกิน 3 กม. อพาร์ทเมนท์นี้มีสระว่ายน้ำกลางแจ้ง, อ่างสปา, WiFi (คิดค่าบริการ) และที่จอดรถฟรี นอกจากนี้ ภายในบริเวณโรงแรมยังมีอุปกรณ์ซักรีด, บริการจองทัวร์/ตั๋ว และเตาบาร์บีคิว
โรงแรมอื่นๆ ใกล้ทะเลสาบเทคาโป
เดือนมีนาคม – เดือนกันยายน

ทะเลสาบโมเค (Moke Lake)
เมืองโคลสเบิร์น ประเทศนิวซีแลนด์


ทะเลสาบโมเคเป็นทะเลสาบขนาดเล็ก ตั้งอยู่ใกล้เมืองโคลสเบิร์น (Closeburn) ในควีนส์ทาวน์ (Queenstown) ทางตอนใต้ของนิวซีแลนด์ ทะเลสาบแห่งนี้เป็นที่นิยมอย่างมากในตอนกลางวันสำหรับการทำกิจกรรมต่างๆ เช่น ปิคนิค พายเรือ ขี่ม้า ว่ายน้ำ และด้วยความที่อยู่ห่างไกลเมืองจึงไม่มีแสงไฟเข้ามารบกวน ทำให้ยามค่ำคืนที่ทะเลสาบโมเคแห่งนี้เหมาะกับการมาชมแสงออโรร่าเป็นอย่างมาก เพื่อนๆ สามารถเดินรอบๆ หามุมที่ถูกใจเพื่อถ่ายภาพทะเลสาบที่มีแสงใต้และแสงดาวอยู่บนท้องฟ้าได้ แถมด้วยภาพสะท้อนเงาบนผิวน้ำ เป็นภาพที่ประทับใจตราตรึงอย่างแน่นอน ยิ่งถ้าไปช่วงเดือนเมษายน – พฤษภาคม นอกจากจะได้เห็นแสงออโรร่าแล้วยังมีโอกาสได้เห็นกาแล็กซี่ทางช้างเผือกอีกด้วย
ไม่เสียค่าใช้จ่าย
ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง
สามารถนั่งเครื่องบินจากกรุงเทพฯ ไปลงที่ท่าอากาศยานนานาชาติควีนส์ทาวน์ (Queenstown International Airport) จากนั้นวิธีที่สะดวกที่สุดคือการเช่ารถเพื่อขับจากควีนส์ทาวน์ไปยังทะเลสาบโมเค ใช้เวลาประมาณ 30 นาที แต่หากใครไม่อยากขับรถก็สามารถนั่งรถบัสคอนเนคทาบัส (Connectabus) สาย 11 ไปลงในตัวเมืองควีนส์ทาวน์ แล้วต่อแท็กซี่ต่อไปยังทะเลสาบโมเคได้ ใช้เวลาประมาณ 45 นาที ค่าใช้จ่าย NZD 45 – NZD 80
Matakauri Lodge ลอดจ์ริมหาดระดับ 5 ดาวนี้ตั้งอยู่ในโคลสเบิร์น มีทางเดินไปยังชายหาดได้โดยตรงและอยู่ห่างจากทะเลสาบวากาติปู 0.1 กม. และทิวเขาคราวน์ 4.7 กม. ส่วนเรือกลไฟ ทีเอสเอส เอิร์นสลอว์และทะเลสาบ Moke อยู่ห่างจากโรงแรมไปไม่เกิน 10 กม. ลอดจ์ริมหาดแห่งนี้มีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ สำหรับผู้เข้าพัก เช่น อ่างสปา และฟิตเนส
Azur Luxury Lodge เบดแอนด์เบรคฟาสต์หรูแห่งนี้ตั้งอยู่ในอ่าวซันไชน์ ภายในระยะ 5 กม. จากคาสิโน SKYCITY Wharf, Steamer Wharf และตลาดขายงานศิลปะและงานฝีมือครีเอทีฟ ควีนส์ทาวน์ ส่วนเกมสยองขวัญ Fear Factory Queenstown และหอศิลป์ Toi o Tahuna อยู่ห่างจากโรงแรมไปไม่เกิน 5 กม. เบดแอนด์เบรคฟาสต์แห่งนี้มีสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น เฮลท์คลับ, บาร์/เลานจ์ และอ่างสปาพร้อมให้บริการ มีอาหารเช้าชุดใหญ่สไตล์อังกฤษฟรี รวมทั้ง WiFi ฟรีในพื้นที่สาธารณะ, ที่จอดรถฟรี และรถรับส่งสนามบินฟรี นอกจากนี้ ภายในบริเวณโรงแรมยังมีบริการคอนเซียร์จ, บริการซักแห้ง และเครื่องคอมพิวเตอร์
โรงแรมอื่นๆ ในโคลสเบิร์น
เดือนมีนาคม – เดือนกันยายน

ควีนส์ทาวน์ (Queenstown)
ประเทศนิวซีแลนด์


ภาพจาก : iStockPhoto
นอกจากสองสถานที่ที่กล่าวไปข้างต้นแล้ว หากใครแวะไปเที่ยวเมืองควีนส์ทาวน์ในนิวซีแลนด์ก็มีโอกาสเห็นแสงออโรร่าได้ไม่ยาก เพราะมีหลากหลายสถานที่ที่เหมาะสำหรับไปชมแสงออโรร่า เช่น ทะเลสาบวาคาตีปู (Lake Wakatipu) ทะเลสาบวานากา (Lake Wanaka) อ่าววิลสัน (Wilson Bay) ย่านเฟิร์นฮิลล์ (Fernhill) ฯลฯ เรียกว่าสามารถมองเห็นแสงออโรร่าได้เกือบทั้งเมืองเลยทีเดียว ไม่แน่หากขับรถอยู่ริมถนนอยู่ดีๆ อาจโชคดีมีโอกาสได้เห็นแสงออโรร่าโผล่จากฟ้ามาให้เราดูกันง่ายๆ เลยก็ได้
ไม่เสียค่าใช้จ่าย
ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง
สามารถนั่งเครื่องบินจากกรุงเทพฯ ไปลงที่ท่าอากาศยานนานาชาติควีนส์ทาวน์ (Queenstown International Airport) ก็จะถึงยังเมืองควีนส์ทาวน์
Oaks Shores อพาร์ทเมนท์หรูแห่งนี้ตั้งอยู่ริมทะเลสาบ ภายในระยะ 3 กม. จากเซนต์โจเซฟแพริช, เนินเขาควีนส์ทาวน์ และหอศิลป์ควีนส์ทาวน์ อาร์ทส์ เซ็นเตอร์ ส่วนลานไอซ์สเก็ตและสนามฮอกกี้ควีนส์ทาวน์และโบสถ์เซนต์ปีเตอร์สอยู่ห่างจากโรงแรมไปไม่เกิน 3 กม. อพาร์ทเมนท์ปลอดบุหรี่แห่งนี้มีห้องอาหาร, ฟิตเนส และซาวน่า ทางที่พักยังให้บริการที่จอดรถฟรีและรถรับส่งในพื้นที่ฟรี สิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ได้แก่ WiFi (คิดค่าบริการ), บริการซักแห้ง และอุปกรณ์ซักรีด
Copthorne Hotel and Resort Queenstown Lakefront โรงแรมสำหรับครอบครัวแห่งนี้ ตั้งอยู่ใกล้สนามบินในควีนส์ทาวน์ สามารถเดินไปทะเลสาบวากาติปู, ย่านร้านค้าควีนส์ทาวน์ มอลล์ และตลาดขายงานศิลปะและงานฝีมือครีเอทีฟ ควีนส์ทาวน์ได้ใน 10 นาที ในขณะที่สวนควีนส์ทาวน์และหอศิลป์ควีนส์ทาวน์ อาร์ทส์ เซ็นเตอร์อยู่ห่างไปโดยใช้เวลาเดินไม่เกิน 10 นาที โรงแรมปลอดบุหรี่แห่งนี้มีห้องอาหาร, บาร์/เลานจ์ และอ่างสปา สิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ได้แก่ WiFi (คิดค่าบริการ), ที่จอดรถ (คิดค่าบริการ) และรูมเซอร์วิส 24 ชั่วโมง
โรงแรมอื่นๆ ในควีนส์ทาวน์
เดือนมีนาคม – เดือนกันยายน

เมืองโฮบาร์ต (Hobart)
ประเทศออสเตรเลีย

ภาพจาก : iStockPhoto
ข้ามจากนิวซีแลนด์มาออสเตรเลียกันบ้าง ที่ออสเตรเลียนั้นถ้าหากอยากจะดูแสงเหนือต้องไปที่รัฐแทสมาเนีย (Tasmania) สามารถดูแสงใต้ได้จากหลายจุดในเมืองโฮบาร์ต เช่น ยอดเขาเมาท์เวลลิงตัน (Mount Wellington) ยอดเขาที่สูงที่สุดในเมืองโฮบาร์ต เมาท์เวลลิงตันมีความสูงกว่า 1,271 เมตรจากระดับน้ำทะเล บนยอดเขานั้นมีอากาศหนาวเย็น มีหิมะปกคลุมเกือบตลอดทั้งปี ทำให้ที่นี่กลายเป็นหนึ่งจุดในโฮบาร์ตที่ผู้คนนิยมมาชมทั้งวิวทิวทัศน์ของโฮบาร์ตและแสงใต้ในยามค่ำคืน หรือจะเป็นที่ชายหาดแครมอร์น (Cremorne Beach) และเซาธ์อาร์ม (South Arm) ก็เป็นอีกสองจุดยอดฮิตที่เพื่อนๆ สามารถไปนั่งรอคอยแสงใต้อยู่ริมชายหาดได้เช่นเดียวกัน
ไม่เสียค่าใช้จ่าย
จุดชมวิวบนเมาท์เวลลิงตันเปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่ 8.00 – 22.00 น. บริเวณภายนอกเปิดทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง
สามารถนั่งเครื่องบินจากกรุงเทพฯ ไปลงที่ท่าอากาศยานนานาชาติโฮบาร์ต (Hobart International Airport) ก็จะถึงยังเมืองโฮบาร์ต
Islington Hotel เกสท์เฮาส์หรูระดับ 5 ดาวแห่งนี้ตั้งอยู่ในย่านชานเมือง ภายในระยะ 2 กม. จากพิพิธภัณฑ์ Australian Army Museum Tasmania และโรงเบียร์ Cascade ส่วนตลาด Salamanca และสวนพฤกษชาติรอยัลแทสมาเนียอยู่ห่างจากโรงแรมไปไม่เกิน 5 กม. เกสท์เฮาส์นี้มีห้องอาหาร, บาร์/เลานจ์ และชา/กาแฟในส่วนกลาง ทางที่พักยังให้บริการ WiFi ฟรีในพื้นที่สาธารณะและที่จอดรถฟรี นอกจากนี้ ภายในบริเวณโรงแรมยังมีศูนย์ธุรกิจ, ห้องประชุม และบริการคอนเซียร์จ
Bay View Villas อพาร์ทเมนท์ 3.5 ดาวนี้ตั้งอยู่ในย่านชานเมือง ภายในระยะ 3 กม. จากอุทยาน Caldew, ตลาด Salamanca และสวนพฤกษชาติรอยัลแทสมาเนีย ส่วนโรงเบียร์ Cascade อยู่ห่างจากโรงแรมไป 3 กม. อพาร์ทเมนท์ปลอดบุหรี่แห่งนี้มีสระว่ายน้ำในร่ม, ศูนย์จัดการประชุม และศูนย์ธุรกิจ ทางที่พักยังให้บริการ WiFi ฟรีในพื้นที่สาธารณะและที่จอดรถฟรี สิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ได้แก่ อุปกรณ์ซักรีด, ห้องเล่นเกม/อาร์เคด และบริการจองทัวร์/ตั๋ว
โรงแรมอื่นๆ ในเมืองโฮบาร์ต
เดือนมีนาคม – เดือนกันยายน

เมืองอะพอลโลเบย์ (Apollo Bay)
ประเทศออสเตรเลีย


ภาพจาก : iStockPhoto
อะพอลโลเบย์เป็นเมืองท่องเที่ยวเล็กๆ ที่โด่งดังสำหรับการเที่ยวแบบ Road Trip ขับรถชมวิวสองข้างทางบนถนนเกรทโอเชียน (Great Ocean Road) อะพอลโลเบย์นั้นเป็นเพียงไม่กี่เมืองบนเกาะหลักของออสเตรเลียที่สามารถมองเห็นแสงออโรร่าได้ ซึ่งแสงออโรร่าที่อะพอลโลเบย์ก็มีหลากหลายสีสัน ทั้งแดง เหลือง ม่วง และยังมีสีฟ้าซึ่งเป็นสีที่หาดูได้ยากอีกด้วย แสงออโรร่าที่นี่จะลอยอยู่บนท้องฟ้าเหนือช่องแคบแบส (Bass Strait) นั่นเอง
ไม่เสียค่าใช้จ่าย
ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง
สามารถนั่งเครื่องบินจากกรุงเทพฯ ไปลงที่ท่าอากาศยานนานาชาติทัลลามารีน (Tullamarine International Airport) จากนั้นเช่ารถขับไปได้ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง 35 นาที แต่หากใครไม่อยากขับรถก็สามารถนั่งรถบัสกัล (Gull) ไปยังสถานี Geelong จากนั้นเปลี่ยนไปขึ้นรถบัส PTV รีจินอลทรานสิต (Regional Transit) สาย 101 ไปลงยังถนน Great Ocean Road ได้ ใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 3 ชั่วโมง 35 นาที ค่าใช้จ่าย AUD 35 – AUD 47
The Dolphin Apartments อพาร์ทเมนท์หรูระดับ 4.5 ดาวนี้ตั้งอยู่ริมทะเล ห่างจากท่าเรืออ่าว Apollo 1.4 กม. และอยู่ภายในระยะ 20 กม. จากอุทยานแห่งชาติ Great Otway และทางเดินกลางป่าฝนเมทส์ เรสต์ ส่วนประภาคารแหลมออตเวย์และน้ำตก Hopetoun อยู่ห่างจากโรงแรมไปไม่เกิน 52 กม. อพาร์ทเมนท์แห่งนี้มีสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น ฟิตเนส, บริการเช็คอินด่วน และบริการเช็คเอาท์ด่วนพร้อมให้บริการ ทางที่พักยังให้บริการ WiFi ฟรีในพื้นที่สาธารณะและที่จอดรถฟรี นอกจากนี้ ภายในบริเวณโรงแรมยังมีหนังสือพิมพ์ฟรี, บริการจองทัวร์/ตั๋ว และสวน
Apollo Bay Waterfront Motor Inn โมเต็ล 3 ดาวนี้ตั้งอยู่ใกล้ชายหาด ภายในระยะ 2 กม. จากศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยวเกรทโอเชี่ยนโรดและท่าเรืออ่าว Apollo ส่วนพิพิธภัณฑ์การเชื่อมต่อสายโทรศัพท์สมัยโบราณและจุดชมวิวมาร์ริเนอร์สอยู่ห่างจากโรงแรมไปไม่เกิน 3 กม. โมเต็ลปลอดบุหรี่แห่งนี้มีอุปกรณ์ซักรีด, บริการจองทัวร์/ตั๋ว และที่จอดรถฟรี มี WiFi ในพื้นที่สาธารณะฟรี
โรงแรมอื่นๆ ในอะพอลโลเบย์
เดือนมีนาคม – เดือนกันยายน