เสพงานศิลป์กับ 10 มิวเซียมแกลเลอรีทรงคุณค่าระดับโลก
เพราะศิลปะคือรากฐานของแรงบันดาลใจและความคิดสร้างสรรค์สำหรับนำไปต่อยอดนวัตกรรมต่างๆ ในทุกยุคทุกสมัย ดังเช่นวลีอันโด่งดังของ Hippocrates นักปราชญ์กรีกที่กล่าวไว้ว่า “Ars longa, Vita brevis” หรือ “ศิลปะยืนยาว ชีวิตสั้น” หมายถึง ความรู้และศิลปวิทยาการแขนงต่างๆ นั้นมีมากมาย ชีวิตนี้เรียนเท่าไหร่ก็ไม่มีวันจบสิ้น แม้จะผ่านมาแล้วกว่า 2,000 ปี แต่วลีนี้ก็ยังคงถูกพูดถึงอย่างสม่ำเสมอ นั่นเป็นเพราะนอกจากปัจจัยสี่แล้ว มนุษย์ยังต้องการสุนทรียภาพในการดำรงชีวิตนั่นเอง rabbit daily จึงขอพาคุณไปส่อง 10 มิวเซียมแกลเลอรีชื่อดังจากทั่วทุกมุมโลกกันดีกว่า มีพิกัดไหนบ้างที่คนรักศิลปะควรหาโอกาสเดินทางไปเยือนเพื่อเสพงานศิลป์ระดับโลกให้ได้สักครั้งในชีวิต
สถาบันสมิธโซเนียน (Smithsonian Institution) ประเทศสหรัฐอเมริกา
ภาพจาก:Shutterstock
สถาบันสมิธโซเนียนก่อตั้งขึ้นเมื่อ ค.ศ.1846 ตามความประสงค์ของนักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษ “เจมส์ สมิธสัน” ที่ต้องการก่อตั้งองค์กรที่สามารถเพิ่มพูนความรู้ให้แก่มนุษยชาติ โดยได้ระบุพินัยกรรมยกมรดกเงินจำนวน 500,000 เหรียญสหรัฐให้แก่รัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งปัจจุบันสถาบันสมิธโซเนียนทำหน้าที่เป็นสถาบันศึกษาวิจัยและเผยแพร่ความรู้แขนงต่างๆ รวมทั้งดูแลพิพิธภัณฑ์ 19 แห่ง มีวัตถุสิ่งของภายใต้การดูแลมากกว่า 140 ล้านชิ้น ในแต่ละปีจะมีผู้สนใจเข้าชมสถาบันสมิธโซเนียนมากกว่า 20 ล้านคน ซึ่งทางสถาบันจะจัดนิทรรศการหมุนเวียนตามพิพิธภัณฑ์ต่างๆ เพื่อให้ความรู้แก่ประชาชน
พิกัด: กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ประเทศสหรัฐอเมริกา
เว็บไซต์ : www.si.edu
พิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโพลิทัน (The Metropolitan Museum of Art) ประเทศสหรัฐอเมริกา
ภาพจาก:Shutterstock
มหานครแห่งศิลปะที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกอยากมาเยือน นิวยอร์กมีพิพิธภัณฑ์อยู่หลายแห่ง แต่พิกัดที่โด่งดังที่สุดก็ต้องเป็น “พิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโพลิทัน” หรือที่ชาวนิวยอร์กเรียกกันว่า “The Met” ก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ. 1870 ได้ชื่อว่าเป็นหอศิลป์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกอีกแห่งหนึ่ง จัดแสดงงานศิลปะตั้งแต่ยุคคลาสสิกจนถึงศิลปะยุคใหม่ นอกจากนี้ยังมีเครื่องดนตรีโบราณ อาวุธโบราณ เครื่องแต่งกายของชนเผ่าต่างๆ และวัตถุอีกมากมายที่มีความสำคัญต่อการบอกเล่าประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของมนุษย์ ภาพเขียนที่มีชื่อเสียงของจิตรกรเอกชื่อดังทั่วโลกก็ถูกรวบรวมไว้ที่นี่ เช่น ภาพ Self-Portrait with a Straw Hat ของวินเซนต์ แวน โก๊ะ The Death of Socrates ของฌัก – หลุยส์ ดาวิด และ Madonna and Child ของดุชโช ฯลฯ
พิกัด : นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา
เว็บไซต์ : www.metmuseum.org
พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ (Le Grand Louvre) ประเทศฝรั่งเศส
ภาพจาก:Shutterstock
มีคำกล่าวว่าหากคุณจะเดินชมงานศิลปะภายในพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ให้ครบทุกชิ้น โดยใช้เวลา 30 วินาทีต่อการชมงานศิลปะ 1 ชิ้น จะต้องใช้เวลาทั้งหมด 100 วันถึงจะเดินชมผลงานศิลปะทั้งหมดจำนวน 380,000 ชิ้นได้! ทำให้ “ลูฟวร์” ได้ชื่อว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวจำนวนมหาศาลเดินทางมาเยือนพิพิธภัณฑ์รูปทรงพีระมิดแก้วแห่งนี้ เพื่อเยี่ยมชมงานศิลปะอันประดุจเพชรน้ำหนึ่งด้านสุนทรียภาพ รวมถึงภาพ “โมนาลิซ่า” ของเลโอนาร์โด ดา วินชี นอกจากนี้ยังมีภาพวาดจิตรกรรมชื่อดัง ผลงานสถาปัตยกรรมอันลือชื่อ รวมถึงวัตถุทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์อีกมากมายด้วย
พิกัด : กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส
เว็บไซต์ : www.louvre.fr/en
พิพิธภัณฑ์อะโครโปลิส (The Acropolis Museum) ประเทศกรีซ
ภาพจาก:Shutterstock
หากคุณได้มาเยือนกรุงเอเธนส์ หนึ่งในสิ่งที่ไม่ควรพลาดก็คือการไปเยือนพิพิธภัณฑ์อะโครโปลิส ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับวิหารพาเธนอน ภายในเก็บรักษาวัตถุโบราณล้ำค่าไว้มากกว่า 300 ชิ้น แต่ละชิ้นล้วนมีความสำคัญในการบอกเล่าประวัติศาสตร์ความเป็นมาของกรีกเมื่อครั้งกรีกยังเรืองอำนาจ วัตถุหลายชิ้นนำกลับคืนมาจากต่างแดน บางชิ้นได้มาจากการขุดค้นทางโบราณคดี ซึ่งสามารถนำมาปะติดปะต่อเล่าเรื่องของดินแดนแห่งนี้ได้ ภายในพิพิธภัณฑ์ออกแบบอย่างเรียบหรู ปลอดโปร่งสบายตา บางโซนก็มีแสงธรรมชาติสาดส่องเข้ามา รวมทั้งมีจุดที่สามารถชมทิวทัศน์ของกรุงเอเธนส์ได้นอกจากนี้ยังเคยติดอันดับ 1 ใน 25 พิพิธภัณฑ์ที่ดีที่สุดในโลกประจำปี 2016 อีกด้วย
พิกัด : กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ
เว็บไซต์ : www.theacropolismuseum.gr/en
พิพิธภัณฑ์แอร์มิทาช (State Hermitage) ประเทศรัสเซีย
ภาพจาก:Shutterstock
พิพิธภัณฑ์ที่ได้ชื่อว่าเก่าแก่ที่สุดในโลก โดดเด่นด้วยลักษณะสถาปัตยกรรมสไตล์บาโรก ตัวอาคารเป็นทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าตกแต่งด้วยโทนสีเขียวและขาว เริ่มสร้างเมื่อปี ค.ศ. 1764 ก่อนจะเปิดให้ประชาชนเข้าชมงานศิลปะอย่างเป็นทางการในอีก 88 ปีต่อมา แต่เดิมเคยใช้เป็นที่ประทับของกษัตริย์รัสเซีย ภายในจัดแสดงผลงานจิตรกรรม เครื่องประดับ เครื่องทอง เครื่องราชกกุธภัณฑ์ และเหรียญล้ำค่าประเภทต่างๆ ราวสามล้านชิ้นนอกจากนี้ยังมีสาขาในเมืองต่างๆอีก 4 แห่ง และยังเคยได้รับการบันทึกจากกินเนสส์บุ๊กว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีงานศิลปะสะสมในครอบครองมากที่สุดในโลก
พิกัด : เมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ประเทศรัสเซีย
เว็บไซต์ : www.hermitagemuseum.org
พิพิธภัณฑ์บริติช (The British Museum) ประเทศอังกฤษ
ภาพจาก:Shutterstock
บริติชมิวเซียมหรือที่คนไทยเรียกกันว่า “พิพิธภัณฑ์อังกฤษ” เป็นสถานที่โด่งดังของกรุงลอนดอน เพราะรวบรวมวัตถุจากทุกทวีปทั่วโลกเอาไว้จำนวนมากกว่า 7 ล้านชิ้น ซึ่งล้วนเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญที่ถ่ายทอดเรื่องราวด้านประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของมนุษย์ตั้งแต่ยุคโบราณ รวมไปถึงผลงานศิลปะยุคคลาสสิกและร่วมสมัยที่น่าสนใจ ว่ากันว่าวัตถุที่นำมาจัดแสดงภายในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีจำนวนมากเสียจนพื้นที่จัดแสดงไม่เพียงพอ ต้องนำลงไปเก็บในอาคารชั้นใต้ดิน นอกจากนี้ยังมีห้องสมุดที่มีชื่อเสียงอันบรรจุหนังสือหมวดหมู่ต่างๆ มากกว่า 350,000 เล่ม เรียกได้ว่าเป็นคลังความรู้สำหรับเยาวชนและผู้ที่สนใจหาความรู้ทุกเพศทุกวัยเลยจริงๆ
พิกัด : กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ
เว็บไซต์ : www.britishmuseum.org
พิพิธภัณฑ์ปราโด (The Prado) ประเทศสเปน
ภาพจาก:Shutterstock
พิพิธภัณฑ์ปราโด หรือชื่ออย่างเป็นทางการว่า “Museo del Prado” เป็นพิพิธภัณฑ์และหอศิลป์ขนาดใหญ่ตั้งอยู่ในกรุงมาดริด สร้างตั้งแต่สมัยพระเจ้าการ์โลสที่ 3 หรือราวปี ค.ศ.1785 บริเวณด้านหน้าของพิพิธภัณฑ์ปราโดมีรูปปั้นของ “เดียโก เบลัซเกซ” จิตรกรเอกชาวสเปนตั้งอยูู่ ทั้งนี้ภายในมีผลงานศิลปะสไตล์ยุโรปตั้งแต่ศตวรรษที่ 12 – 19 จัดแสดงอยู่มากมาย โดยรวมแล้วมีภาพวาดประมาณ 8,200 ภาพ ภาพพิมพ์ 4,800 ภาพ และประติมากรรมอีกเกือบ 1,000 ชิ้น ทำให้ปราโดได้ชื่อว่าเป็นพิพิธภัณฑ์แกลเลอรีที่ใหญ่ที่สุดของประเทศสเปน หากคุณอยากจะไปชื่นชมงานศิลปะสไตล์ยุโรปชิ้นสำคัญที่นี่คือจุดหมายปลายทางที่ไม่ควรพลาด
พิกัด : กรุงมาดริด ประเทศสเปน
เว็บไซต์ : www.museodelprado.es
พิพิธภัณฑ์วาติกัน (The Vatican Museums) ประเทศอิตาลี
ภาพจาก:Shutterstock
“อิตาลี” นอกจากจะเป็นจุดหมายปลายทางแห่งความโรแมนติกแล้ว ยังเป็นพิกัดศูนย์รวมของงานศิลปะที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอีกด้วย โดยเฉพาะ “พิพิธภัณฑ์วาติกัน” ที่ตั้งอยู่ในนครรัฐวาติกัน เป็นสถานที่ที่จัดแสดงศิลป ไม่ว่าจะเป็นจิตรกรรม, จิตรกรรมฝาผนัง, ประติมากรรม และแผนที่ที่มีความเกี่ยวข้องกับศาสนาจักร เนื่องจากผลงานศิลปะส่วนใหญ่นั้นสะสมโดยวัดโรมันคาทอลิกซึ่งมีอายุเก่าแก่หลายร้อยปี นอกจากนี้ยังมีลักษณะอาคารที่มีรูปแบบทางสถาปัตยกรรมที่โดดเด่น ภายในมีบันไดเวียนที่สร้างอย่างสวยงาม รวมไปถึงกระจกสีและภาพวาดเรื่องราวของศาสนาคริสต์
พิกัด : นครรัฐวาติกัน ประเทศอิตาลี
เว็บไซต์ : www.museivaticani.va
หอศิลป์อุฟฟีซี (The Uffizi Gallery) ประเทศอิตาลี
ภาพจาก:Shutterstock
“อุฟฟีซี” หอศิลป์ชื่อเก๋ๆ ในเมืองฟลอเรนซ์ เป็นหอศิลปป์ที่เก่าและมีชื่อเสียงที่สุดในบรรดาพิพิธภัณฑ์ศิลปะของโลก เริ่มสร้างตั้งแต่ ค.ศ.1560 ออกแบบโดย “จอร์โจ วาซารี” สถาปนิกและจิตรกรชื่อดังผู้สร้างสรรค์งานศิลปะชั้นครูของอิตาลี โดยเริ่มแรกนั้นอุฟฟีซีถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นสำนักงานบริหาร หลังจากนั้นได้กลายเป็นที่สะสมผลงานศิลปะตั้งแต่ยุคกลางจนถึงศิลปะเรอเนสซองส์ ไฮไลต์ของอุฟฟีซีคือภาพเขียน Birth of Venus (กำเนิดวีนัส) และ Primavera (ฤดูใบไม้ผลิ) ของบอตติเชลลี รวมถึงห้องผลงานของเลโอนาร์โด ดา วินชี ความมีชื่อเสียงของหอศิลป์อุฟฟีซีดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนหลายล้านคนมาเยือนในแต่ละปี ดังนั้นหากคุณต้องการเข้าชมศิลปะในอุฟฟีซีแล้วอาจต้องเผื่อเวลารอเข้าแถวหลายชั่วโมงหน่อย
พิกัด : นครฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี
เว็บไซต์ : www.uffizi.org
พิพิธภัณฑ์แห่งชาติแห่งอัมสเตอร์ดัม (Rijksmuseum) ประเทศเนเธอแลนด์
ภาพจาก:Shutterstock
กรุงอัมสเตอร์ดัม ศูนย์กลางทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญของยุโรป ในอดีตราวศตวรรษที่ 17 ได้ชื่อว่าเป็นยุคทองของเนเธอร์แลนด์ที่ร่ำรวยวัฒนธรรม การค้า และมีสายธารทางประวัติศาสตร์ที่ทรงอิทธิพล ทำให้เมืองหลวงแห่งนี้ได้กลายเป็นพิกัดสำคัญสำหรับผู้ที่หลงรักประวัติศาสตร์และศิลปะ พิพิธภัณฑ์แห่งชาติแห่งอัมสเตอร์ดัมก่อตั้งเมื่อปี 1800 รวบรวมผลงานศิลปะและงานหัตถกรรมที่บอกเล่าเรื่องราวอดีตของดินแดนแห่งนี้ รวมไปถึงงานศิลปะเอเชียด้วย ภาพเขียนชื่อดังที่ถูกเก็บไว้ เช่น The Lute Player (คนเล่นลูท) , The Blauwpoort in Leiden in The Winter (ไลเดนหน้าหนาว) และ Raid on the Medway (ดัตช์เผาเรืออังกฤษ)
พิกัด : กรุงอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอแลนด์
เว็บไซต์ : www.rijksmuseum.nl
หากมีโอกาสเมื่อไหร่ก็ลองไปเสพงานศิลป์กับ 10 มิวเซียมแกลเลอรีทรงคุณค่าระดับโลกตามพิกัดที่แนะนำกันไปนะคะ เพราะเชื่อว่าสำหรับคนที่หลงรักศิลปะแล้ว การได้ไปชมงานศิลปะชิ้นเอกด้วยตัวเองนั้นเป็นสุนทรียภาพของชีวิต ดังที่ “โฮเรซ” กวีชาวโรมันผู้มีชีวิตอยู่ในสมัยคริสตกาล กล่าวไว้ว่า “A picture is a poem without words.” หรือรูปภาพคือบทกวีที่ไร้ถ้อยคำนั่นเอง
ขอบคุณข้อมูลจาก
Rabbit Daily Bangkok’s No.1 Lifestyle Magazine เว็บไซต์ที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของคนเมือง อัพเดทบทความใหม่ๆ พร้อมเนื้อหาสาระอัดแน่นจากนักเขียนคุณภาพ พบกับไลฟ์สไตล์ที่ใช่ อย่างที่คุณชอบที่ Rabbit Daily
อ่านเรื่องอื่นๆ เพิ่มเติมเกี่ยวกับ ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม
กัมพูชาเป็นประเทศที่มีพนมเปญ (Phnom Penh) เป็นเมืองหลวงและเป็นประเทศที่น่าเที่ยวตลอดกาล แต่สำหรับใครที่หลงใหลการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ ชอบดูสถาปัตยกรรมโบราณ ปราสาทเก่าแก่สวยๆ รวมไปถึงชอบศึกษาอารยธรรมโบราณและวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์เราขอแนะนำให้เพื่อนๆ ไปเที่ยวที่เมืองเสียมเรียบ (Siem Reap) เพราะเมืองนี้มีโบราณสถานที่สำคัญต่อโลกหลายแห่ง อีกทั้งกัมพูชายังเป็นประเทศเพื่อนบ้านของไทยที่สามารถเดินทางไปง่าย และไม่ต้องใช้วีซ่าเดินทางด้วย ดังนั้นเอ็กซ์พีเดียขอชวนเพื่อนๆ...
ไต้หวันที่เที่ยวสวย ของถูก อาหารอร่อย เอ็กซ์พีเดียเชื่อว่าเพื่อนๆ ต้องเคยได้ยินคนพูดถึงไต้หวันด้วย 3 ประโยคนี้อย่างแน่นอน ยิ่งตอนนี้ไต้หวันให้สิทธิ์ฟรีวีซ่าสำหรับคนไทยด้วย เราเลยอยากชวนเพื่อนๆ ไปเที่ยวไต้หวันด้วยตัวเองแบบไม่ต้องง้อทัวร์กัน จะชวนเพื่อน ชวนแฟน ชวนครอบครัวไปเที่ยวก็ได้ เพราะวันนี้เอ็กซ์พีเดียมีแพลนเที่ยวไต้หวัน 5...
มีเวลาสั้นๆ แค่ 3 วันก็สามารถไปเที่ยวต่างประเทศแบบเต็มอิ่มได้นะ โดยเฉพาะไต้หวันที่ค่าครองชีพพอๆ กับประเทศไทย อีกทั้งเพื่อนๆ สามารถเที่ยวไต้หวันด้วยตัวเองได้เพราะการเดินทางไม่ซับซ้อน ยิ่งเมืองหลวงอย่างไทเปก็มีรถไฟใต้ดินไปส่งถึงแหล่งกิน เที่ยว ช้อป และสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญทุกแห่ง ทำให้เพื่อนๆ สามารถเที่ยวไต้หวันด้วยตัวเองได้อย่างสบายๆ เลย...
ไต้หวันเป็นประเทศเที่ยวง่ายเพราะมีรถไฟฟ้าความเร็วสูงไต้หวัน (THSR) ที่วิ่งรอบเกาะไต้หวัน ตามเมืองใหญ่ๆ ทั้งเกาะ ในเมืองก็มีรถไฟฟ้า MRT ให้บริการ อีกทั้งค่าเงินก็ถูกกว่าประเทศไทย ดังนั้นเอ็กซ์พีเดียเลยอยากชวนเพื่อนๆ ไปสัมผัสประสบการณ์การเที่ยวไต้หวันด้วยตัวเองดูสักครั้งตามสถานที่ท่องเที่ยวไต้หวันที่เอ็กซ์พีเดียคัดมาให้แล้วว่าเด็ด ไม่ว่าเพื่อนๆ จะเสิร์ชกูเกิ้ลคำว่าที่เที่ยวไต้หวันหรือไต้หวันที่เที่ยว รับรองว่ายังไงก็มี 10...
นารา (Nara) เป็นเมืองท่องเที่ยวสำคัญของประเทศญี่ปุ่น ในอดีตนาราเคยเป็นเมืองหลวงของประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย โดยนาราตั้งอยู่ใกล้กับเมืองเกียวโต (Kyoto) และโอซาก้า (Osaka) ซึ่งเพื่อนๆ สามารถเดินทางไปเที่ยวนาราได้ด้วยการนั่งรถไฟไปโดยใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง ความโดดเด่นของเมืองนาราก็คือความเก่าแก่ของวัดที่อยู่เต็มเมือง ธรรมชาติอันบริสุทธิ์ และฝูงกวางที่เราสามารถให้อาหารได้อย่างใกล้ชิด ซึ่งในครั้งนี้เอ็กซ์พีเดียเองก็ไม่พลาดที่จะพาเพื่อนๆ ไปดูว่านารามีอะไรให้เราได้เที่ยวกัน...