เที่ยวดูไบด้วยตัวเอง ยามราตรี

ดูไบ แม้จะไม่ใช่เมืองหลวงหากก็เป็นเมืองท่าเศรษฐกิจการค้าที่สำคัญแห่งหนึ่งของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์หรือของโลกเลยก็ว่าได้ เมืองนี้มีอัตราการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เป็นศูนย์รวมสิ่งปลูกสร้างที่เป็นที่สุดในโลก ทั้งสูงที่สุด แพงที่สุด ลึกที่สุด และเป็นแหล่งรวมธุรกิจระดับนานาชาติ มีห้างสรรพสินค้าหรูหรามากมาย ทั้งยังมีมุมของวิถีชีวิตดั้งเดิมของคนอาหรับชาวดูไบ จึงมีมนต์เสน่ห์ดึงดูดนักท่องเที่ยวและนักลงทุนให้มาตื่นตาตื่นใจกับความเป็นที่สุดหรือมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสรรค์ความอลังการระดับโลก แน่นอนล่ะว่า ความบันเทิงยามราตรีที่นี่ก็ต้องมีความหลากหลายและมีความเป็นที่สุดระดับโลก มาดูกันครับว่าคุณและเพื่อนๆ จะไปแฮงค์เอ้ายามค่ำคืนกันที่ไหนดี

เที่ยวดูไบด้วยตัวเอง ยามราตรี

18.00 น. ด้วยยามพระอาทิตย์กำลังลาลับขอบฟ้า

รูปภาพ: Tourism Media

เที่ยวดูไบ เริ่มต้นทริปนี้ด้วยยามพระอาทิตย์กำลังลาลับขอบฟ้า แสงสีเหลืองอมส้มจะฉาบทาไปตามตึกสูงและอาคารบ้านเรือนที่แน่นขนัดกลางเมืองดูไบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ Burj Khalifa ตึกที่ครองตำแหน่งสูงที่สุดในโลกที่ได้กลายเป็นฉากหลังอันงดงามให้แก่เมืองแห่งนี้ ลองหามุมดีๆ สักมุมแล้วหันหน้าเข้าหาตึก แล้วรอชมแสงสุดท้ายของวันค่อยๆ หายไปด้านหลัง ก่อนที่แสงไฟทั่วทั้งเมืองจะส่องสว่างราวกับเสกให้กลายเป็นกลางวัน จุดที่เหมาะสำหรับชมพระอาทิตย์ตกมากที่สุดคือบริเวณช่องแคบดูไบ หรือที่เรียกว่า Dubai Creek โดยอาจไปปักหลักรอชมที่ Creekside Park หรือไม่ก็ข้ามฟากไปที่ลานอเนกประสงค์ของ Dubai Festival City

19.00 น.

หากคุณอยากสำรวจแสงสียามค่ำคืนรอบๆ เมือง ในระยะเวลาสั้นๆ ลองใช้บริการ City Sightseeing Dubai Hop-On, Hop-Off Tour คุณสามารถซื้อบัตรโดยสารรถบัสนำเที่ยวสองชั้นและใช้ขึ้น-ลงกี่ครั้งก็ได้ภายใน 24 ชั่วโมง

นับตั้งแต่บัตรถูกใช้ครั้งแรก รถนี้จะพาคุณวนผ่านสถานที่ท่องเที่ยวดูไบสำคัญหลายแห่ง อาทิ Deira City Centre หนึ่งในศูนย์การค้ายิ่งใหญ่ของเมือง Sheikh Zayed ไฮเวย์กว้าง 16 เลน Burj al Arab ตึกทรงเรือใบ Palm Jumeira หมู่เกาะทรงต้นปาล์มอันลือชื่อ รวมไปถึง Burj Khalifa ด้วย เหมาะมากสำหรับนั่งชิลชมวิวยามค่ำไปเรื่อยๆ บัตรโดยสารรถบัสนำเที่ยวนี้ยังเก็บไว้ใช้สำรวจเมืองในวันรุ่งขึ้นได้อีก แต่ต้องภายในระยะเวลากำหนดเท่านั้น

20.00 น.

ได้เวลาหาอาหารค่ำอร่อยๆ รับประทาน พร้อมกับชมวิวพาโนรามายามค่ำคืนของดูไบ สถานที่ที่ตอบโจทย์ได้ดีที่สุดคงหนีไม่พ้น At.mosphere Restaurant ภัตตาคารที่ได้รับการบันทึกว่าตั้งอยู่สูงที่สุดในโลก ด้วยทำเลที่อยู่บนชั้น 122 ของตึก Burj Khalifa หรือที่ระดับความสูงราว 442 เมตรจากพื้นดิน การตกแต่งเรียบง่าย ทว่าแลดูหรูหรา แถมยังการันตีความอร่อยโดยเซเลเบรตี้เชฟระดับมิชลินสตาร์ชาวฝรั่งเศสอย่าง Jerome Lagarde ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกเลยที่ภัตตาคารแห่งนี้อยู่ในลิสต์ “Must Visit” ของดูไบไปเรียบร้อยแล้ว

21.00 น. Dubai Mall

รูปภาพ: Tourism Media

อิ่มแล้วก็ไปเดินช็อปปิ้งเพื่อช่วยย่อย ที่ Dubai Mall ซึ่งเป็นศูนย์การค้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตั้งอยู่ในย่านดาวน์ทาวน์ ครอบคลุมพื้นที่มากกว่าหนึ่งล้านตารางเมตร ทั้งสี่ชั้นเป็นที่ตั้งของช็อปแบรนด์เนมระดับโลกและแบรนด์ท้องถิ่นมากมายกว่า 1,200 ร้าน เดินช็อปได้จนถึงตีหนึ่งซึ่งเป็นเวลาปิดศูนย์ และเมื่อมาถึงที่นี่แล้วไม่ควรพลาดชม The Dubai Fountain การแสดงน้ำพุประกอบแสงสีเสียงตระการตา โดยน้ำพุสามารถพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าได้สูงถึง 150 เมตรหรือราวตึก 50 ชั้น แสดงทุก 30 นาทีตั้งแต่เวลา 18.00-23.00 น.

22.00 น.

หาที่นั่งจิบดื่มชิลๆ กันก่อนไปต่อที่ คลับใน ดูไบ ซึ่งคึกคักราว 23.00-03.00 น. ลองแวะไป The Irish Village ผับที่มีชื่อเสียงก้องโลกและได้รับรางวัลการันตีมากมาย ตั้งอยู่ในอาคารไม้สีสวยสไตล์ไอริช พนักงานทั้งหมดเป็นชาวไอริช ให้ความรู้สึกเหมือนไปนั่งอยู่ที่ผับในดับลินกันเลยที่เดียว จะเลือกนั่งในโซนอินดอร์หรือเอาต์ดอร์ที่มีสวนสวยและทะเลสาบเป็นฉากหลังก็ล้วนให้บรรยากาศทั้งชิลและสนุกสนาน เพลิดเพลินไปกับเสียงดนตรี ที่นี่มีนักร้องและนักดนตรีระดับโลกมาเปิดการแสดงตลอดทั้งปี บาร์อีกแห่งที่โด่งดังและได้รับรางวัลมากมายเช่นกันคือ 360° เป็นบาร์ทรงกลม ให้คุณได้ชมบรรยากาศโดยรอบแบบ 360 องศา ตั้งอยู่ตรงปลายแหลมหาดจูไมราห์ ภายในอาณาเขตของโรงแรม Jumeirah Beach ด้วยวิวเมืองยามค่ำอันมีตึก Burj al Arab เป็นฉากหลัง ทำให้ 360° เป็นสุดยอดบาร์ในสายตานักท่องราตรี ส่วน Iris Dubai ที่ตั้งอยู่บนชั้น 27 โรงแรม Oberoi นอกจากจะมอบวิวตระการตาแล้ว ผนังที่กรุกระจกยาวจากพื้นจรดทั้งหลังคายังเปิดเปลือยท้องฟ้ายามค่ำของดูไบแบบไม่ต้องออกไปตากลม ตกแต่งแบบเรียบง่าย ให้ความรู้สึก Cozy เป็นกันเอง

ดูราคาโรงแรมในดูไบ

ค้นหาตั๋วเครื่องบินไปดูไบ