โดย Expedia Team, 12 October 2018

คู่มือเที่ยวมาเก๊ากับข้อมูลดีๆ ที่ควรรู้

มาเก๊าเป็นเมืองที่มีความหลากหลาย เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวหลายรูปแบบ เพราะมาเก๊าเป็นจุดหมายปลายทางของคนที่ชอบเสี่ยงดวง มีคาสิโนให้เพื่อนๆ ได้ลองทดสอบไหวพริบกันได้ อีกทั้งมีอาคารรูปทรงแปลกตาให้เราได้เที่ยวชม มีร้านอาหารเด็ดๆ ให้เราได้เลือกทาน แถมยังมีห้างสรรพสินค้าให้เราได้ช้อปปิ้งกันอย่างหนำใจ นอกจากนี้มาเก๊ายังอยู่ใกล้แหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ อีกมากมาย เช่น ฮ่องกง (Hong Kong) และเซินเจิ้น (Shenzen) ทำให้นักท่องเที่ยวที่แวะไปเที่ยวมาเก๊าส่วนใหญ่ก็จะไปฮ่องกงและเซินเจิ้น ประเทศจีนด้วยนั่นเอง หากใครกำลังวางแผนไปเที่ยวมาเก๊าและกำลังหาข้อมูลท่องเที่ยวมาเก๊าอยู่ วันนี้เอ็กซ์พีเดียก็มีข้อมูลดีๆ มาฝากกัน

คู่มือเที่ยวมาเก๊า


◆ วีซ่า

1.Visa

ภาพจาก : iStockPhoto

แม้ว่ามาเก๊าจะเป็นหนึ่งในเขตปกครองพิเศษของประเทศจีน แต่การเดินทางไปเที่ยวมาเก๊านั้นไม่ต้องใช้วีซ่า เพื่อนๆ ทุกคนที่ถือหนังสือเดินทางประเทศไทยสามารถเที่ยวมาเก๊าได้นานถึง 30 วัน เช่นเดียวกับการเดินทางไปฮ่องกงนั่นเอง อย่างไรก็ตามเวลาเดินทางออกจากมาเก๊าเพื่อไปยังฮ่องกง เพื่อนๆ จะต้องผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองใหม่ทุกครั้งเพราะนับว่าออกจากเขตพื้นที่แล้ว สำหรับใครที่อยากไปเที่ยวเซินเจิ้น หรือไปที่อื่นๆ ในประเทศจีนต่อ ต้องทำวีซ่าท่องเที่ยวประเทศจีนไปจากไทย สามารถยื่นคำร้องขอวีซ่าท่องเที่ยวได้ที่ศูนย์รับยื่นคำร้องของวีซ่าประเทศจีน (Chinese Visa Application Service Center) ค่าธรรมเนียมแบบทั่วไปสำหรับการเข้าออก 1 ครั้ง ราคา 1,500 บาท แบบเข้าออก 2 ครั้ง ราคา 2,500 บาท แบบหลายครั้งภายใน 6 เดือน ราคา 3,500 บาท และแบบหลายครั้งภายใน 12 เดือน ราคา 5,000 บาท ใช้เวลาดำเนินการทำวีซ่า 4 วันทำการ

◆ ค่าเงิน

2.Currency

ภาพจาก : iStockPhoto

ค่าเงินของมาเก๊า คือ มาเก๊าปาตากา (Macau Pataca) มีค่าประมาณ 4 – 4.2 บาท (THB) ต่อ 1 มาเก๊าปาตากา (MOP) นั่นเอง ส่วนค่าเงินฮ่องกงดอลลาร์จะแพงกว่านิดหน่อย ทำให้ร้านค้าหรือโรงแรมส่วนใหญ่ในมาเก๊าสามารถใช้เงินฮ่องกงแทนเงินมาเก๊าได้เลย หากใครจะใช้เงินที่มาเก๊าเยอะก็แนะนำว่าให้ใช้เงินมาเก๊าจะคุ้มค่ามากกว่า

◆ ช่วงเวลาท่องเที่ยวมาเก๊าที่เหมาะสมที่สุด

3.Ruins-of-St.-Pauls-Church

ภาพจาก : iStockPhoto

ฤดูกาลเราที่แนะนำให้ไปเที่ยวมาเก๊าก็คือช่วงฤดูหนาวตั้งแต่เดือนธันวาคม – เดือนกุมภาพันธ์ เพราะว่าเป็นช่วงที่อากาศหนาวเย็น ได้แต่งตัวสวยๆ เดินเที่ยว ถ่ายรูปเก๋ๆ ท่ามกลางบรรยากาศดีๆ และอาคารสไตล์โปรตุเกส ยิ่งใครไปช่วงคริสมาสต์ ทั้งเมืองมาเก๊าก็จะมีการตกแต่งไฟประดับสวยงามมากขึ้นไปอีก ฤดูถัดมาที่แนะนำให้ไปเที่ยวคือช่วงฤดูใบไม้ร่วง ประมาณปลายเดือนกันยายน – เดือนพฤศจิกายน เหมาะกับคนที่ชอบอากาศเย็นสบายๆ แต่ไม่หนาวจัด ส่วนฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อนนั้นฝนจะตกค่อนข้างบ่อย ท้องฟ้าไม่ค่อยแจ่มใส การเดินทางไปเที่ยวเมืองอื่น เช่น ฮ่องกงหรือเซินเจิ้นก็ค่อนข้างลำบาก เพราะเรือไม่สามารถเดินทางได้

◆ ที่พักมาเก๊าแนะนำ

galaxy-1

galaxy-2
galaxy-3

การตกแต่งภายในของโรงแรมในมาเก๊าค่อนข้างมีความหลากหลาย ทุกโรงแรมต่างแข่งกันนำสิ่งตื่นตาตื่นใจ สิ่งอำนวยความสะดวกและสาระความบันเทิงมากมายมาใช้เป็นจุดดึงดูดให้กับผู้เข้าพักได้เลือกสรรกัน ในวันนี้เอ็กซ์พีเดียขอแนะนำกาแลคซี่ มาเก๊า (Galaxy Hotel) ในโคไท โรงแรมระดับ 5 ดาวขนาดใหญ่ซึ่งมีทุกอย่างให้เพื่อนๆ ภายในที่พัก ไม่ว่าใครอยากจะเสี่ยงดวงในคาสิโน อยากช้อปปิ้ง อยากดูโชว์ อยากว่ายน้ำ ทำสปา ที่นี่ก็มีเช่นให้บริการพร้อม แถมยังมีรถบัสรับส่งฟรีวิ่งไปหลากหลายสถานที่ท่องเที่ยวมาเก๊าที่เพื่อนๆ อยากไป ส่วนการตกแต่งภายในห้องพักนั้นก็เน้นความเรียบหรูดูดีมีระดับ

ที่พักแนะนำอื่นๆ

◆ การเดินทาง

การเดินทางจากประเทศไทยไปมาเก๊า
4.Travel

ภาพจาก : iStockPhoto

การเดินทางจากไทยไปมาเก๊า สามารถนั่งเครื่องบินจากกรุงเทพฯ ไปลงที่ท่าอากาศยานนานาชาติมาเก๊า (Macau International Airport) ได้เลย โดยสามารถเดินทางได้จากทั้งท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิและท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง มีหลากหลายสายการบินให้เลือกใช้บริการ ทั้งสายการบินต้นทุนต่ำและสายการบินให้บริการเต็มรูปแบบ เพื่อนๆ สามารถเลือกเดินทางไปเที่ยวมาเก๊าได้ตามงบประมาณที่มี

การเดินทางภายในมาเก๊า
5.Macao-public

ภาพจาก : iStockPhoto

เนื่องจากตัวเมืองมาเก๊าไม่ใหญ่มากจึงไม่มีรถไฟฟ้าคอยให้บริการ แต่การเดินทางสาธารณะนั้นค่อนข้างสะดวกเพราะมีรถบัสเข้าถึงทุกบริเวณของเมือง การใช้งานรถสาธารณะก็ไม่ยาก เพื่อนๆ สามารถไปยืนรอที่ป้ายรถบัสแล้วขึ้นตามสายที่ต้องการ เมื่อขึ้นไปบนรถบัสก็ให้หยอดเหรียญหรือจะใช้บัตรเติมเงินที่ชื่อว่ามาเก๊าพาส (Macau Pass) ซึ่งสามารถหาซื้อได้ตามร้านสะดวกซื้อทั่วไป ตอนซื้อครั้งแรกต้องเสียค่าธรรมเนียม 5 MOP ค่ามัดจำ 25 MOP และต้องเติมเงินครั้งแรก 100 MOP นอกจากนั้นโรงแรมและคาสิโนใหญ่ๆ ทั่วไปก็มักจะมีรถบัสรับส่งฟรีไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ อีกด้วย

การเดินทางระหว่างมาเก๊าไปฮ่องกง
5.Macao-public-2

ภาพจาก : iStockPhoto

ส่วนใครที่อยากข้ามฝั่งไปเที่ยวฮ่องกงก็สามารถทำได้ง่ายๆ โดยการนั่งเรือเฟอร์รี่ ซึ่งมีอยู่สองบริษัทที่ให้บริการคือ โคไท วอเตอร์ เจ็ท (Cotai Water Jet) และเทอร์โบ เจ็ท (Turbo Jet) เรือมีให้บริการทุก 15 นาที เลือกเวลาการเดินทางได้ตามสะดวก ซึ่งการเดินทางก็รวดเร็วมาก ใช้เวลาเพียงแค่ 1 ชั่วโมงเท่านั้น จากมาเก๊ามี 2 ท่าเรือ ได้แก่ ท่าเรือที่เกาะมาเก๊า และท่าเรือที่เกาะไทปา ส่วนที่ฝั่งฮ่องกงก็สามารถเลือกไปลงที่เกาะเกาลูนหรือเกาะฮ่องกงก็ได้เช่นกัน คนส่วนใหญ่มักจะเดินทางไปลงที่เกาะเกาลูนกันเพราะท่าเรือตั้งอยู่บริเวณจิมซาจุ่ย (Tsim Sha Tsui) ไปถึงปุ๊ปก็เที่ยวต่อได้เลย ค่าใช้จ่ายก็ไม่แพง ประมาณ 155 MOP – 165 MOP เท่านั้นเอง

การเดินทางระหว่างมาเก๊าและเซินเจิ้น
5.Macao-public-3

ภาพจาก : iStockPhoto

การเดินทางไปเซินเจิ้นคล้ายกับการไปฮ่องกง เพื่อนๆ สามารถนั่งเรือเฟอร์รี่ของเทอร์โบ เจ็ท (Turbo Jet) ไปลงที่ด่านเสอโข่ว (Shekou) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง จากนั้นนั่งรถเมล์สาย 113 หรือสาย 204 ไปลงยังป้ายวินโดวส์ ออฟ เดอะ เวิลด์ (Windows of The World) ซึ่งเป็นป้ายที่มีรถไฟใต้ดิน จากนั้นนั่งไปสถานที่ที่เพื่อนๆ อยากไปได้เลย ค่าโดยสารเรือ 250 MOP ส่วนค่ารถบัส 2 CNY ที่ต้องจ่ายเป็นเงินหยวนก็เนื่องจากไปถึงประเทศจีนแล้วนั่นเอง อย่าลืมว่าการเดินทางไปเซินเจิ้นนั้นต้องขอวีซ่าท่องเที่ยวประเทศจีนก่อนด้วยนะ

เอ็กซ์พีเดียหวังว่าข้อมูลเหล่านี้จะมีประโยชน์แก่เพื่อนๆ ที่กำลังหาข้อมูลท่องเที่ยวมาเก๊ากันอยู่ และอยากจะขอคอนเฟิร์มอีกครั้งว่ามาเก๊านั้นเที่ยวง่ายแถมยังมีสถานที่ท่องเที่ยวให้เพื่อนๆ เลือกไปเที่ยวกันได้มากมายจริงๆ แถมยังได้ไปเที่ยวที่เที่ยวอื่นๆ ใกล้เคียงอีกด้วย ไปรอบเดียวได้เที่ยวหลายที่แบบนี้คุ้มสุดๆ ไปเลย ไว้ถ้าหากมีโอกาสจะกลับมาเขียนแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวมาเก๊าและที่ใกล้เคียงให้เพื่อนๆ ได้อ่านกันอย่างแน่นอน

[package_deals title=’ดีลแนะนำ กรุงเทพฯ-มาเก๊า’ deals=’packages,hotels,flights’]