ถ้าเห็นภาพผ่านๆ หลายคนอาจคิดว่าที่นี่คือแคนาดาหรือนิวซีแลนด์ แต่ความจริงแล้วสถานที่แห่งนี้คือ “จิ่วจ้ายโกว” (Jiuzhaigou) อุทยานที่เป็นพื้นที่อนุรักษ์ธรรมชาติในมณฑลเสฉวน ประเทศจีน จิ่วจ้ายโกวมีความสวยงามมากจนหลายคนต่างเรียกว่าเป็นสวรรค์บนดิน เป็นสถานที่ท่องเที่ยวจีนแห่งหนึ่งที่ควรไปกันให้ได้สักครั้งในชีวิต หากเพื่อนๆ ยังไม่เชื่อก็ขอให้รีบตามเอ็กซ์พีเดียมา เพราะวันนี้เราจะพาเพื่อนๆ เจาะลึกเรื่องการไปเที่ยวที่จิ่วจ้ายโกว พร้อมพาไปดูจุดท่องเที่ยวต่างๆ ในจิ่วจ้ายโกวอีกด้วย พอดูกันครบแล้วเชื่อได้เลยว่าจะต้องรีบกดจองตั๋วไปเที่ยวจิ่วจ้ายโกว สวรรค์บนดินในประเทศจีนกันอย่างแน่นอน
จิ่วจ้ายโกว สวรรค์แห่งน้ำตกและทะเลสาบของจีน
ช่วงเวลาท่องเที่ยวที่ดีที่สุด
ภาพจาก : iStockPhoto
ก่อนอื่นต้องขอบอกว่าจิ่วจ้ายโกวสามารถไปเที่ยวได้ตลอดทั้งปี ตัวอุทยานเปิดทุกวันตั้งแต่ 07.00 – 17.00 น. ซึ่งเวลาที่เปิดให้เข้าไปได้คือช่วง 07.00 – 10.00 น. เท่านั้น หลังจากนั้นจะไม่รับนักท่องเที่ยวเข้าไปเพิ่ม เพราะฉะนั้นอย่าลืมว่าต้องไปถึงก่อน 10.00 น. เพื่อเข้าไปชมความงามด้านใน จิ่วจ้ายโกวจะสวยที่สุดในช่วงใบไม้เปลี่ยนสีหรือช่วงเดือนตุลาคม เพราะเพื่อนๆ จะได้เห็นต้นไม้ทั้งภูเขาเปลี่ยนเป็นสีเหลือง สีส้ม สีแดง ตัดกับสีของน้ำและท้องฟ้า เกิดเป็นภาพที่สวยงาม ช่วงนี้เป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวคึกคักมากที่สุด ช่วงถัดมาที่น่าสนใจไม่แพ้กันคือช่วงฤดูร้อน ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม – เดือนสิงหาคม ต้นไม้เป็นสีเขียวขจีสวยงามและนักท่องเที่ยวไม่เยอะเท่าช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ส่วนช่วงสุดท้ายที่สามารถไปเที่ยวได้คือช่วงฤดูหนาว ตั้งแต่เดือนธันวาคม – เดือนมีนาคม ช่วงนี้เพื่อนๆ จะได้เห็นจิ่วจ้ายโกวปกคลุมไปด้วยหิมะ แม่น้ำและน้ำตกก็กลายเป็นน้ำแข็งที่สวยงามแปลกตาสำหรับคนไทยอย่างเราๆ มากเลยล่ะ
การเดินทาง
ภาพจาก : iStockPhoto
เพื่อนๆ สามารถเดินทางไปเที่ยวจิ่วจ้ายโกวได้โดยนั่งเครื่องบินจากกรุงเทพฯ ไปลงยังท่าอากาศยานนานาชาติเฉิงตูซวงหลิว (Chendu Shuangliu International Airport) เมืองเฉิงตู แล้วใช้บริการเที่ยวบินภายในประเทศไปลงยังท่าอากาศยานนานาชาติหวงหลง (Jiuzhai Huanglong Airport) จากนั้นนั่งรถบัส Zhuna Airport Bus สาย 3 ไปลงยังป้าย Jiuzhaigou Scenic Spot แล้วนั่งแท็กซี่ต่อไปอีกประมาณ 15 กิโลเมตรก็จะถึงยังจิ่วจ้ายโกว ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง 15 นาที ค่าใช้จ่าย 75 – 130 CNY หรือใครอยากจะเหมาแท็กซี่ตรงไปยังจิ่วจ้ายโกวก็ได้ ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง เสียค่าบริการประมาณ 260 – 320 CNY หากไปกันหลายคนใช้บริการแท็กซี่ก็จะสะดวกสบายกว่า
ค่าเข้า
ประเภทนักท่องเที่ยว | ค่าเข้าช่วง 1 เมษายน – 15 พฤศจิกายน | ค่าเข้าช่วง 16 พฤศจิกายน – 31 มีนาคม |
---|---|---|
ผู้ใหญ่ | 220 CNY ค่ารถบัสเดินทางภายในจิ่วจ้ายโกว 90 CNY รวมเป็น 310 CNY |
80 CNY ค่ารถบัสเดินทางภายในจิ่วจ้ายโกว 80 CNY รวมเป็น 160 CNY |
เด็กอายุ 6 – 18 ปี และผู้สูงอายุ 60 – 70 ปี | 110 CNY ค่ารถบัสเดินทางภายในจิ่วจ้ายโกว 90 CNY รวมเป็น 200 CNY |
40 CNY ค่ารถบัสเดินทางภายในจิ่วจ้ายโกว 80 CNY รวมเป็น 120 CNY |
เด็กอายุต่ำกว่า 6 ปี หรือสูงน้อยกว่า 120 เซนติเมตร และผู้สูงอายุที่อายุ 70 ปีขึ้นไป | เข้าฟรี | เข้าฟรี |
ที่พักแนะนำในจิ่วจ้ายโกว


โรงแรมในจิ่วจ้ายโกวที่เราเลือกพักกันในทริปนี้ ได้แก่ บันยัน ทรี จิ่วไจ้โกว (Banyan Tree Jiuzhaigou) โรงแรมสุดสวยที่ตั้งอยู่ในหุบเขาใกล้จิ่วจ้ายโกว มณฑลเสฉวน ประเทศจีน อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลถึง 2,500 เมตร โอบล้อมไปด้วยภูเขาและธรรมชาติอันตระการตาที่เพียงแค่ก้าวเท้าเข้าไปเพื่อนๆ ก็จะสัมผัสได้ถึงความสวยงามดุจดังเทพนิยาย ภายในห้องพักแต่ละห้องนั้นสวยงามด้วยลักษณะการตกแต่งแบบทิเบตและจีน ผสมผสานกับสิ่งอำนวยความสะดวกสุดทันสมัย ภายในห้องพักสามารถมองเห็นความสวยงามของธรรมชาติได้จากทุกมุม แม้กระทั่งเวลาเพื่อนๆ นอนในอ่างอาบน้ำก็สามารถมองออกไปที่ระเบียงเห็นวิวภูเขาได้ รับรองได้เลยว่าจิ่วจ้ายโกวนั้นไม่ทำให้เพื่อนๆ ผิดหวังแน่นอน
พักที่ไหนดี?
เมื่อทราบข้อมูลเบื้องต้นกันพอหอมปากหอมคอแล้วก็รีบตามไปดูจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจในจิ่วก้ายโกวกันดีกว่า
น้ำตกธารไข่มุกหรือน้ำตกนู่รือหลาง
(Pearl Shoals Waterfall or Nuo Ri Lang Waterfall)


ภาพจาก : iStockPhoto
ไฮไลท์จุดแรกที่ห้ามพลาดเด็ดขาดเมื่อมาจิ่วจ้ายโกวคือน้ำตกธารไข่มุก น้ำตกธารไข่มุกเป็นน้ำตกธารหินปูนขนาดใหญ่ที่สุดในจิ่วจ้ายโกว รูปทรงคล้ายพัดจีน มีความกว้าง 310 เมตร สูงถึง 40 เมตร นอกจากนั้นเบื้องหลังของน้ำตกยังเป็นภูเขาขนาดสูงใหญ่ ทำให้เป็นภาพที่สวยติดตา ใครหลายคนที่เคยไปที่นี่ต่างก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าหากจะไปเที่ยวชมน้ำตกธารไข่มุกนั้นให้ไปในตอนเช้า เพราะเพื่อนๆ จะได้เห็นแสงอาทิตย์สะท้อนกับละอองน้ำเป็นสายรุ้งสวยงาม ทำให้มีภาพยนต์ดังของประเทศจีนหลายเรื่องมาถ่ายทำที่น้ำตกแห่งนี้ อย่างเช่นภาพยนตร์ไซอิ๋วที่คนไทยรู้จักกันดีนั่นเอง
ทะเลสาบห้าสี (Five Flower Lake)


ภาพจาก : iStockPhoto
ทะเลสาบห้าสีเป็นทะเลสาบไล่ระดับสีฟ้าเขียวอย่างสวยงาม สีที่เพื่อนๆ เห็นนั้นเกิดจากแคลเซียมคาร์บอเนตและพืชน้ำต่างๆ นั่นเอง นอกจากจะมีสีสันสวยงามแล้วยังมีความใสชนิดที่ว่ามองเห็นลึกถึงก้นสระเลย นอกจากนี้หากใครไปช่วงเช้าในฤดูใบไม้เปลี่ยนสีจะได้เห็นหมอกลงมาคลอเคลียกับยอดภูเขาตัดสะท้อนกับสีน้ำด้วย เพื่อนๆ สามารถเดินวนรอบสระเพื่อชมความงามหรือจะเดินขึ้นเขาไปเพื่อถ่ายภาพมุมสูงลงมาก็สวยไม่เบา
ทะเลสาบยาว (Long Lake)


ภาพจาก : iStockPhoto
ทะเลสาบยาวเป็นทะเลสาบที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในจิ่วจ้ายโกว มีเนื้อที่กว่า 581 ไร่ แถมยังเป็นทะเลสาบที่มีความลึกที่สุดอีกด้วย ลักษณะของทะเลสาบเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว เกิดจากหิมะที่ละลายจากบนภูเขา น้ำภายในทะเลสาบเป็นสีฟ้าสวยงาม รอบด้านมีต้นไม้ขึ้นโอบล้อมอยู่เต็มไปหมด หากใครไปในช่วงฤดูหนาว น้ำในทะเลสาบแห่งนี้ก็จะแข็งตัวมีความหนากว่า 60 เซนติเมตร ทำให้นักท่องเที่ยวทั้งจากในประเทศจีนและต่างประเทศต่างนิยมมาเล่นสเก็ตน้ำแข็งกันที่ทะเลสาบแห่งนี้
ทะเลสาบซู่เจิ้ง (Shuzheng Lakes)


ภาพจาก : iStockPhoto
ทะเลสาบซู่เจิ้งเป็นทะเลสาบที่ประกอบไปด้วยทะเลสาบกว่า 19 ทะเลสาบที่มีขนาดน้อยใหญ่ต่างกัน ตั้งอยู่ตามโขดหินเรียงกันมาเป็นขั้นบันได น้ำจะไหลช้าๆ ไม่แรงมากแยกออกมาตามโขดหินเป็นหลากหลายสายน้ำ มองแล้วรู้สึกสบายตา กลุ่มทะเลสาบเหล่านี้ตั้งอยู่ต่อเนื่องกันเป็นระยะทางกว่า 3,000 เมตร ระดับความสูงที่ตั้งอยู่แตกต่างกันกว่า 100 เมตร นับว่าเป็นกลุ่มทะเลสาบกลุ่มใหญ่แห่งหนึ่งในจิ่วจ้ายโกว
ทะเลสาบกระจก (Mirror Lake)


ภาพจาก : iStockPhoto
ที่สุดท้ายที่ห้ามพลาดในจิ่วจ้ายโกวคือทะเลสาบกระจก ที่ได้ชื่อว่าทะเลสาบกระจกก็เพราะว่าน้ำที่นี่สะท้อนภาพของภูเขาและท้องฟ้าชัดมาราวกับส่องกระจก หากใครไปช่วงเช้าจะยิ่งเห็นภาพสะท้อนชัดเจนมากขึ้น ทะเลสาบแห่งนี้มีความสวยงามจนได้เป็นส่วนหนึ่งของภาพยนต์ของจาง อี้โหมว (Zhang Yimou) เรื่อง ฮีโร่ (Hero) ด้วยนั่นเอง
คิดอย่างไรกันบ้างกับความสวยงามของจิ่วจ้ายโกว สวรรค์บนดินที่อยู่ไม่ไกลจากประเทศไทย เพราะอยู่แค่ที่มณฑลเสฉวน ประเทศจีนนี้เอง นับเป็นอีกตัวเลือกดีๆ สำหรับคนที่กำลังมองหาที่เที่ยวจีนแบบธรรมชาติ เหมาะมากสำหรับคนที่รักธรรมชาติและความสงบ รับรองเลยว่าแค่ไปมองท้องฟ้า มองน้ำที่จิ่วจ้ายโกวก็ทำให้เพื่อนๆ สัมผัสได้ถึงพลังแห่งธรรมชาติที่สถานที่ท่องเที่ยวจีนแห่งนี้จะมอบให้อย่างเต็มอิ่มแน่นอน