โดย Expedia Team, 19 February 2018

รู้ไว้จะได้ฟินเวลาบินไป “มองโกเลีย”

เพื่อนๆ คนไหนที่กำลังมองหาทริปลุยๆ สัมผัสบรรยากาศธรรมชาติและขุนเขาแบบดิบๆ มันส์ๆ บอกเลยว่า ประเทศมองโกเลียเป็นอีกหนึ่งประเทศที่ไม่ควรมองข้าม เพราะมองโกเลียขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศที่เงียบสงบและมีวัฒนธรรมที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ อีกทั้งวิถีชีวิตของผู้คนที่เรียบง่ายและเป็นมิตรกับนักท่องเที่ยวแบบสุดๆ ทำให้ประเทศนี้ดึงดูดนักท่องเที่ยวขาลุยจำนวนมากให้ต้องมาเยือนมองโกเลียสักครั้งในชีวิต ซึ่งวันนี้ Expedia ก็ได้รวบรวมข้อมูลที่จำเป็นและสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจในมองโกเลียมาให้เพื่อนๆ แล้วว่าต้องเตรียมตัวอย่างไรกันบ้าง และมองโกเลียนั้นน่าสนใจมากแค่ไหน ไปดูพร้อมๆ กันเลย

รู้ไว้จะได้ฟินเวลาบินไป “มองโกเลีย”


มองโกเลียอยู่ที่ไหน?

Mongolia-1

ภาพจาก : iStockPhoto

ประเทศมองโกเลีย เป็นประเทศในทวีปเอเชียที่ไม่มีทางออกสู่ทะเลใหญ่ มีพรมแดนทางเหนือติดกับประเทศรัสเซียและทางใต้ติดกับประเทศจีน ประเทศมองโกเลียเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความหนาแน่นของประชากรน้อยที่สุดในโลก ด้วยความที่มีพื้นที่เยอะแต่ประชากรน้อยมาก ประชากรส่วนมากจะอาศัยอยู่ที่อูลานบาตอร์ (Ulaanbaatar) เมืองหลวงของประเทศ ประเทศมองโกเลียแบ่งเขตพื้นที่ออกเป็นสองส่วน เนื่องจากในอดีตมองโกเลียเคยอยู่ภายใต้การปกครองของประเทศจีน โดยจะแบ่งเป็นมองโกเลียใน (Inner Mongolia) เขตปกครองตนเองที่อยู่ในส่วนของประเทศจีน และมองโกเลียนอก (Outer Mongolia) หรือสาธารณรัฐมองโกเลีย (Republic of Mongolia) ในปัจจุบัน โดยเป้าหมายที่เราจะพาเพื่อนๆ ไปเที่ยวในครั้งนี้ก็คือมองโกเลียนอก (Outer Mongolia) นั่นเอง

อยากไปต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง?

Mongolia-2

ภาพจาก : iStockPhoto

มองโกเลียมี 4 ฤดูด้วยกัน คือฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วง และฤดูหนาว อากาศในประเทศมองโกเลียในแต่ละฤดูจะต่างกันโดยเฉพาะในทะเลทรายที่อากาศจะแตกต่างกันอย่างสุดขั้ว อย่างในช่วงฤดูร้อน (ก.ค. – ส.ค.) อุณหภูมิอาจสูงขึ้นไปถึง 40 องศาเซลเซียส ส่วนในฤดูหนาว (พ.ย. – ก.พ.) ก็อาจหนาวถึงขั้น -40 องศาเซลเซียสกันเลยทีเดียว ถ้าเพื่อนๆ คนไหนที่อดทนกับความหนาวได้ บรรยากาศหน้าหนาวของที่นี่ขอบอกว่าสวยจับใจคุ้มค่ากับความหนาวและการเดินทางมาอย่างแน่นอน ส่วนใครที่ไม่ค่อยถนัดเรื่องการต่อสู้กับความหนาวเท่าไหร่ เราแนะนำให้มาเที่ยวมองโกเลียช่วงฤดูใบไม้ผลิ (มี.ค. – พ.ค.) หรือฤดูร้อน (ก.ค. – ส.ค.) จะดีกว่า เพราะอากาศจะกำลังเย็นสบายและอาจมีหิมะให้เห็นอยู่บ้างนิดหน่อยหากมาเที่ยวในช่วงฤดูใบไม้ผลิ

Mongolia-3

ภาพจาก : iStockPhoto

มองโกเลียใช้สกุลเงินที่เรียกว่าทุกริก (Tugrik) รหัสคือ MNT โดย 1,000 Tugrik เท่ากับ 17 บาทโดยประมาณ ร้านค้าใหญ่ๆ จะรับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD), ยูโร (EUR), หยวน (CNY) รวมถึงรูเบิลรัสเซีย (RUB) ด้วย เราแนะนำให้เพื่อนๆ แลกเป็นเงินเหรียญสหรัฐฯ ไปจะสะดวกกว่า ราคาค่าอาหารและค่าครองชีพที่นี่ก็ถือว่าไม่ค่อยแตกต่างจากบ้านเราเท่าไหร่ บางอย่างถูกกว่าด้วยซ้ำ ยิ่งน่ามาเที่ยวเข้าไปใหญ่เลยใช่ไหมล่ะ

Mongolia-4

ภาพจาก : iStockPhoto

สิ่งสำคัญที่เพื่อนๆ ต้องเตรียมตัวก่อนมามองโกเลียก็คือเรื่องเสื้อผ้าและรองเท้า เพราะต้องเลือกให้เหมาะกับฤดูและสถานที่ที่จะไปด้วย รองเท้าจะต้องพร้อมลุย ใส่สบาย ไม่กัด ไม่เมื่อย เพื่อที่เพื่อนๆ จะได้เที่ยวอย่างราบรื่น

Mongolia-5

ภาพจาก : iStockPhoto

ชาวมองโกเลียประกอบอาชีพเลี้ยงสัตว์และมักเร่ร่อน จึงใช้บ้านชั่วคราวหรือเกอร์ (Ger) เป็นที่พักอาศัยซึ่งสร้างจากไม้ หุ้มด้วยหนังสัตว์ เคลื่อนย้ายได้สะดวก ภายในจะมีสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็นอย่างที่นอน ผ้าห่ม เตาผิง ถ้าเพื่อนๆ มาเที่ยวมองโกเลียต้องอย่าพลาดที่จะมาพักในเกอร์ บ้านดั้งเดิมของชาวมองโกลกันนะ ส่วนเรื่องห้องน้ำของที่นี่ก็โด่งดังไม่แพ้กัน เพื่อนๆ คนไหนที่มีนิสัยรักสะอาดมากๆ ต้องอาบน้ำทุกวัน หรือนั่งโถส้วมแบบยองไม่ได้ มองโกเลียอาจไม่ใช่ประเทศที่เหมาะกับเพื่อนๆ เพราะว่าห้องน้ำแทบทุกที่จะเปิดโล่งให้ชมวิวระดับห้าดาว เข้าห้องน้ำไปก็จะได้ชมวิวภูเขา ต้นไม้ หรือสัตว์ที่เดินผ่านไปผ่านมาอย่างเพลิดเพลินกันเลยทีเดียว คนที่ไม่ชินหรือว่าไม่ชอบก็อาจจะลำบากกันนิดนึง

Mongolia-6

ภาพจาก : iStockPhoto

การเดินทางไปที่เที่ยวต่างๆ ภายในมองโกเลียอาจใช้เวลายาวนานมากและกินเวลาหลายวัน เพื่อนๆ อาจไม่ได้อาบน้ำ ฉะนั้นเพื่อนๆ ที่อยากจะไปผจญภัยที่มองโกเลียก็จะต้องเตรียมใจให้พร้อมที่จะลุย ที่สำคัญอย่าลืมพกทิชชู่เปียกติดไปด้วย เพื่อนๆ คนไหนที่อยากพักที่เกอร์ (Ger) หรือพักตามทะเลทรายเพื่อสัมผัสบรรยากาศแบบพื้นเมืองแล้วละก็ อย่าลืมพกพาวเวอร์แบงค์หรือแบตเตอรี่สำรองไปเผื่อด้วยนะ เพราะตามเกอร์ (Ger) ต่างๆ จะไม่มีไฟฟ้าและน้ำประปาให้บริการ ถ้าหากเพื่อนๆ คนไหนพักที่โรงแรมในตัวเมืองก็อย่าลืมพกหัวปลั๊กแบบที่ใช้ได้ทุกประเทศ (Universal Travel Adapter) ไปเผื่อด้วยนะ เพราะหัวชาร์จที่มองโกเลียเป็นแบบหัวกลม 2 ขา มีรูด้านบนสำหรับเชื่อมต่อขาปลั๊กของเต้ารับซึ่งไม่เหมือนกับของไทย

ส่วนใครที่กังวลว่าไปเที่ยวที่นู่นแล้วจะสื่อสารไม่รู้เรื่องหรือกลัวว่าจะไม่มีใครช่วยเหลือก็ไม่ต้องกังวลเลย เพราะประเทศนี้ถือเป็นประเทศที่นักท่องเที่ยวหลายคนยืนยันว่าปลอดภัยมากสำหรับการมาเที่ยว และคนที่นี่ก็มีน้ำใจมากๆ พร้อมช่วยเหลือตลอด แม้บางคนจะพูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยคล่องแต่พวกเค้าก็พร้อมที่จะช่วยเพื่อนๆ ด้วยความเต็มใจอย่างแน่นอน

ตั๋วเครื่องบินและวีซ่า

การเดินทางไปมองโกเลียยังไม่มีไฟล์ทบินตรง เพื่อนๆ สามารถเดินทางจากสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ (BKK) โดยสายการบิน Air China Korean Air หรือ Aeroflot Russian Airlines หรือสายการบินอื่นๆ เพื่อต่อเครื่องและบินไปยัง สนามบินอูลานบาตอร์ (ULN) มองโกเลีย เพื่อนๆ คนไหนที่อยากแวะไปเที่ยวปักกิ่งก่อนจะไปมองโกเลียสามารถนั่งรถบัสจากเมืองปักกิ่งไปลงสถานีขนส่งที่เมืองเอ๋อเหลียน (Erlian) ซึ่งเป็นเมืองชายแดนระหว่างพรมแดนจีนกับมองโกเลีย แล้วต่อรถไฟสายทรานส์มองโกเลีย (Trans – Mongolia) เพื่อเข้ามายังอูลานบาตอร์ (Ulaanbaatar) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 วัน ค่าโดยสารแบบ Soft Sleep หรือแบบตู้นอนชั้น 1 จะอยู่ที่ประมาณ 313 USD หรือประมาณ 10,800 บาท ในขณะที่แบบ Hard Sleep หรือแบบตู้นอนชั้น 3 ค่าโดยสารจะอยู่ที่ 240 USD หรือประมาณ 8,300 บาท เพื่อนๆ สามารถติดต่อเอเจนซี่ที่หน้าเว็บไซต์ CITS ได้เลย แต่จะมีค่าวีซ่าประเทศจีนแบบ single entry อีก 1,500 บาทด้วย

Mongolia-7

ภาพจาก : iStockPhoto

หรือถ้าเพื่อนๆ คนไหนอยากแวะเที่ยวรัสเซียก่อนจะมามองโกเลียก็ทำได้เช่นกัน บินจากไทยไปรัสเซียไม่จำเป็นต้องขอวีซ่าด้วยนะ เพื่อนๆ สามารถขึ้นรถไฟสายทรานส์ไซบีเรีย (Trans – Siberian Railway) จากเอียร์คุชต์ (Irkutsk) ในรัสเซียมายังอูลานบาตอร์ (Ulaanbaatar) ได้เลย ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 วัน ค่าโดยสารประมาณ 60 – 180 USD หรือราวๆ 2,700 – 6,200 บาท ขึ้นอยู่กับวิธีการจองตั๋ว ถ้าจองผ่านเอเจนซี่ CITS ราคาก็จะค่อนข้างสูง

ขอบอกเลยว่ามองโกเลียเป็นประเทศที่ไปเที่ยวได้ง่ายมากๆ ไม่ต้องเสียเงินทำวีซ่าหรือเสียเวลารอวีซ่าให้ยุ่งยาก มาถึงมองโกเลียเพื่อนๆ สามารถยื่นพาสปอร์ตของไทยให้เจ้าหน้าที่ได้เลย สามารถพำนักในประเทศมองโกเลียได้ 30 วันหลังประทับตรา

สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจของมองโกเลีย

1

อูลานบาตอร์ (Ulaanbaatar)

1.อูลานบาตอร์-Ulaanbaatar

ภาพจาก : iStockPhoto

อูลานบาตอร์เป็นเมืองหลวงและเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของมองโกเลีย ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศ กว่าจะมาเป็นอูลานบาตอร์ได้มีการเปลี่ยนชื่อเมืองมาหลายครั้งจนสรุปเมื่อปี 1924 ซึ่งมีความหมายว่าวีรบุรุษสีแดง เพื่อเป็นเกียรติแก่ ดัมดิน ซัคบาตอร์ (Damdin Sukhbaatar) ผู้นำการปฏิวัติการปกครองและการประกาศอิสรภาพจากจีนของมองโกเลียปัจจุบันเมืองหลวงแห่งนี้ถือเป็นศูนย์กลางการคมนาคมของประเทศ ทั้งการเดินทางโดยเครื่องบินที่มีทั้งเที่ยวบินภายในประเทศและระหว่างประเทศ มีรถไฟและรถโดยสารทางไกลอื่นๆ อีกทั้งยังมีถนนที่เชื่อมต่อไปยังหลายๆ พื้นที่ในมองโกเลียและเชื่อมต่อไปยังประเทศใกล้เคียง ที่สามารถเชื่อมโยงกับเส้นทางรถไฟสายทรานส์ – ไซบีเรีย (Trans – Siberian Railway) ซึ่งเป็นตัวเลือกในการเดินทางที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก ส่วนที่เที่ยวในอูลานบาตอร์จะมีที่ไหนบ้าง มาดูกันเลย

ซัคบาตอร์ (Sukhbaatar) หรือจัตุรัสเจงกิสข่าน (Chinggis Square, Mongolia)

1.ซัคบาตอร์-Sukhbaatar-หรือจัตุรัสเจงกิสข่าน-Chinggis-Square-Mongolia-1
1.ซัคบาตอร์-Sukhbaatar-หรือจัตุรัสเจงกิสข่าน-Chinggis-Square-Mongolia-2
1.ซัคบาตอร์-Sukhbaatar-หรือจัตุรัสเจงกิสข่าน-Chinggis-Square-Mongolia-3
1.ซัคบาตอร์-Sukhbaatar-หรือจัตุรัสเจงกิสข่าน-Chinggis-Square-Mongolia-4
ภาพจาก : iStockPhoto

ซัคบาตอร์หรือจัตุรัสเจงกิสข่าน ตั้งอยู่ใจกลางเมืองอูลานบาตอร์ เป็นสถานที่ที่ใช้ในการจัดงานพาเหรดต่างๆ ไฮไลท์ของที่นี่คือการไปเยี่ยมชมรูปปั้นของดัมดิน ซัคบาตอร์ (Damdin Sukhbaatar) ผู้นำการปฏิวัติในปี 1921 ที่ตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางจัตุรัส ในบริเวณใกล้เคียงกันนั้นมีรูปปั้นของเจงกิสข่านตั้งอยู่ด้วย เรียกได้ว่าไปที่เดียวได้เห็นรูปปั้นบุคคลสำคัญของมองโกเลียถึงสองคน นอกจากนี้ในบริเวณจัตุรัสยังเป็นที่ตั้งของสถานที่สำคัญอีกหลายแห่ง ทั้งอาคารรัฐสภา พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ และพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติ ซึ่งมีการจัดแสดงนิทรรศการและผลงานต่างๆ มากมาย ถือเป็นสถานที่สำคัญที่ถ้าไม่ได้มาเที่ยวจะถือว่าพลาดมาก

ค่าบริการ
เวลาเปิดบริการ
การเดินทาง
พักที่ไหนดี?
ช่วงเวลาการท่องเที่ยว
ช่วงฤดูร้อนจะเป็นช่วงเวลาที่นักท่องเที่ยวเยอะที่สุด เพราะอากาศกำลังดี ไม่หนาวไม่ร้อนเกินไป

พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติ (Natural History Museum)

พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติ (Natural History Museum)

ภาพจาก : www.mapio.net
พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติ-Natural-History-Museum-2
พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติ-Natural-History-Museum-3
ภาพจาก : iStockPhoto

พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติ (Natural History Museum) ตั้งอยู่ไม่ไกลจากจัตุรัสเจงกิสข่าน เป็นสถานที่ที่เพื่อนๆ สามารถมาเรียนรู้ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของมองโกเลียทั้งด้านพืชพันธุ์ธรรมชาติ สัตว์ชนิดต่างๆ รวมถึงสภาพภูมิประเทศอย่างธรณีวิทยา ถือเป็นการมาเที่ยวที่ทำให้ได้รู้จักประเทศมองโกเลีย เข้าใจผู้คน และเข้าถึงสิ่งต่างๆ ได้มากยิ่งขึ้น ไฮไลท์ที่พลาดไม่ได้ของที่นี่ก็คือซากไดโนเสาร์และงาของช้างแมมมอธที่ยังคงมีสภาพสมบูรณ์มากนั่นเอง

ค่าบริการ
เวลาเปิดบริการ
การเดินทาง
พักที่ไหนดี?
ช่วงเวลาการท่องเที่ยว
สามารถท่องเที่ยวได้ทุกฤดู

อารามกันดาน (Gandan Monastery)

อารามกันดาน-Gandan-Monastery-1
อารามกันดาน-Gandan-Monastery-2
อารามกันดาน-Gandan-Monastery-3
อารามกันดาน-Gandan-Monastery-4
ภาพจาก : iStockPhoto

อารามกันดานเป็นหนึ่งในวัดทางพุทธศาสนาที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของมองโกเลีย และเป็นศูนย์รวมจิตใจที่สำคัญของชาวมองโกเลีย ที่นี่มีกิจกรรมทางศาสนาต่างๆ ที่คล้ายคลึงกับวัดในประเทศไทย เพื่อนๆ สามารถชมความงามทางวัฒนธรรมของมองโกเลียได้เต็มๆ จากที่นี่ เพราะภายในบริเวณรอบๆ วัดมีพระพุทธรูปจำนวนกว่าพันองค์ให้ได้ชม ภายในวิหารใหญ่ยังมีพระพุทธรูปพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ที่สูงถึง 26.5 เมตรให้เราได้ไปกราบไหว้ ซึ่งถือว่าเป็นพระพุทธรูปยืนในร่มที่สูงที่สุดในโลกอีกด้วย

ค่าบริการ
เวลาเปิดบริการ
การเดินทาง
พักที่ไหนดี?
ช่วงเวลาการท่องเที่ยว
สามารถท่องเที่ยวได้ทุกฤดู

นอกเหนือจากเมืองอูลานบาตอร์แล้ว มองโกเลียยังมีสถานที่เที่ยวที่น่าสนใจและพลาดไม่ได้อีกหลายสถานที่ ดังนี้

2

เทือกเขาอัลไต (Altai Tavan Bogd National Park)

2.เทือกเขาอัลไต-Altai-Tavan-Bogd-National-Park-1
2.เทือกเขาอัลไต-Altai-Tavan-Bogd-National-Park-2
ภาพจาก : iStockPhoto

เทือกเขาอัลไตมีเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 636,200 เฮกตาร์ ครอบคลุมทั้งเมือง Bayan-Ulgii, Tsengel Soum, Ulaanhus Soum, Sagsai Soum และ Altai Soum โดยมี Khuiten Uul เป็นยอดเขาที่สูงที่สุด โดยมีความสูงราว 4,353 เมตร สามารถมองเห็นประเทศจีนและประเทศรัสเซียจากบนยอดเขาแห่งนี้ได้ ในฤดูหนาวหิมะจะปกคลุมทุกพื้นที่ทั้งเทือกเขา ทะเลสาบ แม่น้ำ ลำธาร และทุ่งหญ้า เป็นทิวทัศน์ที่นักท่องเที่ยวทุกคนต่างบอกว่าเป็นความงดงามที่ชีวิตนี้ควรได้ไปเห็นด้วยตาตัวเองจริงๆ สักครั้ง

ค่าบริการ
เวลาเปิดบริการ
การเดินทาง
พักที่ไหนดี?
ช่วงเวลาการท่องเที่ยว
ฤดูหนาว

3

ทะเลทรายโกบี (Gobi Desert)

3.ทะเลทรายโกบี-Gobi-Desert-1

3.ทะเลทรายโกบี-Gobi-Desert-2
3.ทะเลทรายโกบี-Gobi-Desert-3
ภาพจาก : iStockPhoto

ทะเลทรายโกบีติด 1 ใน 5 ของทะเลทรายที่กว้างใหญ่ที่สุดในโลก ทะเลทรายแห่งนี้ล้อมรอบไปด้วยเทือกเขาอัลไตและทุ่งหญ้าสเตปป์ที่กว้างใหญ่ ซึ่งเคยมีการค้นพบซากฟอสซิลและไข่ไดโนเสาร์ที่ทะเลทรายนี้อีกด้วย ทะเลทรายโกบีแตกต่างจากทะเลทรายทั่วไปตรงที่พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นทุ่งหญ้าที่ราบกว้าง อุดมไปด้วยพืชพันธุ์ต่างๆ สัตว์จำนวนมากจึงมาอาศัยอยู่ในบริเวณนี้ สถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตของโกบีคือ “Khongoryn Els” ที่ถูกขนานนามว่าเป็นดินแดนแห่งเนินทรายที่สวยงามและใหญ่ที่สุดของโกบี เพราะมีพื้นที่ครอบคลุมอาณาบริเวณยาวกว่า 150 กิโลเมตรและกว้างกว่า 12 กิโลเมตร เนินทรายบางจุดสูงถึง 800 เมตร ทำให้ที่นี่มีกิจกรรมมากมายสำหรับนักท่องเที่ยวให้ได้ทำ โดยกิจกรรมยอดนิยมคือการปีนเนินทรายเพื่อขึ้นไปชมทิวทัศน์ของทะเลทรายแห่งนี้ และอีกหนึ่งกิจกรรมคือการขี่อูฐผจญภัยในทะเลทรายนั่นเอง ใครที่อยากถ่ายรูปกับอูฐและทะเลทรายกว้างใหญ่ก็ต้องห้ามพลาดที่นี่ กิจกรรมยามค่ำคืนในทะเลทรายโกบีที่นักท่องเที่ยวชื่นชอบกันมากๆ ก็คือการนอนดูดาวและทางช้างเผือก เรียกได้ว่าเป็นสถานที่ที่งดงามไม่ว่าจะกลางวันหรือกลางคืน คุ้มค่าแก่การมาเยี่ยมชมจริงๆ

ค่าบริการ
เวลาเปิดบริการ
การเดินทาง
พักที่ไหนดี?
ช่วงเวลาการท่องเที่ยว
ฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วง เพราะโดยปกติในทะเลทรายจะค่อนข้างร้อน หากเพื่อนๆ มาเที่ยวช่วง 2 ฤดูนี้อากาศจะดี ลมเย็นสบาย

เป็นยังไงกันบ้างสำหรับทริปมองโกเลียของเรา เพื่อนๆ คนไหนที่เบื่อการท่องเที่ยวแบบเดิมๆ อยากเปลี่ยนบรรยากาศมาผจญภัย สัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ ที่หาไม่ได้จากที่อื่นก็อย่าพลาดประเทศมองโกเลียกันนะ ใครที่อยากจะไปเที่ยวมองโกเลียแต่ไม่รู้ต้องเตรียมตัวยังไงละก็ เข้าเว็บไซต์ของ Expedia ได้เลย โปรโมชั่นตั๋วเครื่องบินราคาประหยัดพร้อมที่พักคุณภาพรอเพื่อนๆ อยู่