โดย Expedia Team, 13 December 2017

วางแผนเที่ยวช่วงเทศกาลที่มาเลเซีย อะไรดีอะไรเด็ดควรไปโดนในปี 2018

ปีหน้าใครที่ยังไม่มีแพลนเที่ยวลองดูประเทศเพื่อนบ้านเราอย่างมาเลเซียที่น่าสนใจไม่น้อยไปกว่าประเทศอื่นๆ ในโซนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยการรวมเอาความเจริญเข้ากับวัฒนธรรมจาก 3 เชื้อชาติที่ผสมผสานกันได้อย่างโดดเด่น ใครที่กำลังอยากลิ้มลองประสบการณ์การเที่ยวใหม่ๆ ที่นี่ตอบโจทย์เรื่องบรรยากาศของเทศกาลที่แปลกแตกต่างจากบ้านเรา พร้อมแล้วก็แพ็คกระเป๋าได้เลย

เที่ยวเทศกาลที่มาเลเซีย อะไรดีอะไรเด็ดควรไปโดน


ข้อดีของการแพ็คกระเป๋าไปเที่ยวมาเลเซียก็คืออากาศที่ใกล้เคียงกับประเทศไทย เพียงแต่มาเลเซียมีฝนตกค่อนข้างบ่อย ดังนั้นอย่าลืมเตรียมร่มและเสื้อกันฝนมาด้วย ที่นี่มีเทศกาลค่อนข้างเยอะและคึกคัก เพราะมาเลเซียเฉลิมฉลองให้กับทุกเชื้อชาติหลัก ซึ่งก็คือชาวจีน ชาวอินเดีย และชาวมลายูนั่นเอง เรารวบรวมเทศกาลเด่นๆ ที่คุณควรไปเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ที่มาเลเซียมาไว้ที่นี่แล้ว

1

เทศกาล Thaipusam
(วันที่ 31 มกราคม 2561)

Thaipusam

แม้จะมีคำว่า Thai แต่เทศกาลนี้ไม่มีอะไรที่เกี่ยวกับคนไทยเลย เพราะไทพูซัมเป็นการเฉลิมฉลองใหญ่ในช่วงวันพระจันทร์เต็มดวงของชาวฮินดู โดยชาวฮินดูจะไปรวมตัวกันที่ถ้ำบาตู (Batu Cave) ซึ่งอยู่ใกล้กับกรุงกัวลาลัมเปอร์ เมืองหลวงของมาเลเซีย หรือที่ชาวมาเลเซียเรียกกันว่า KL ปากถ้ำบาตูมีรูปปั้นพระขันธกุมารขนาดใหญ่เป็นสัญลักษณ์ ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาดอีกแห่งหนึ่งเมื่อมาเยือนมาเลเซีย ในเทศกาลนี้ชาวฮินดูกว่าหมื่นคนจะแต่งตัวสีสันสดใสเดินขึ้นบันได 272 ขั้นไปสักการะเทพเจ้าในถ้ำด้านบน บางคนเอาเหล็กแหลมมาทิ่มแทงตามร่างกายคล้ายเทศกาลกินเจในบ้านเรา ในเทศกาลนี้คุณจะได้เก็บภาพความประทับใจของสีสันที่ฉูดฉาด ขบวนพาเหรดที่น่าตื่นตาตื่นใจ และวัฒนธรรมที่แตกต่างอย่างน่าสนใจ

ไปเที่ยวไหน : ถ้ำบาตูเป็นที่ตั้งของวัดศรีมหามาเรียมมัน สถานที่ที่ชาวฮินดูจะแต่งกายในชุดพื้นเมืองมารวมตัวกันในวันไทพูซัม นอกจากนี้ในช่วงอาทิตย์ก่อนวันไทพูซัมตามห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ ในกัวลาลัมเปอร์ก็มีการตกแต่งประดับประดาให้เข้ากับช่วงเทศกาลนี้ด้วยเช่นกัน

การเดินทาง : การเดินทางไปยังถ้ำบาตูนั้นไม่ยุ่งยาก โดยเริ่มต้นที่สถานีรถไฟ KL Sentral สถานีใหญ่ที่เป็นจุดศูนย์กลางของการเดินทางในกัวลาลัมเปอร์ โดยนั่งรถไฟ KTM สาย Batu Caves ยาวๆ ไปจนสุดสาย สถานี Batu Caves ตั้งอยู่ที่วัดศรีมหามาเรียมมันนั่นเอง

2

เทศกาล Chinese New Year
(วันที่ 16-18 กุมภาพันธ์ 2561)

Chinese New Year

เทศกาลใหญ่แห่งปีของชาวจีนในมาเลเซีย ถือเป็นวันสำคัญที่ชาวจีนในมาเลเซียเฉลิมฉลองกันอย่างยิ่งใหญ่ เป็นวันหยุดยาวที่ชาวจีนส่วนมากมักกลับบ้านไปฉลองกับครอบครัว ทุกสถานที่ในกัวลาลัมเปอร์จะประดับตกแต่งด้วยโคมแดงและสีแดง-ทอง สีมงคลของชาวจีนล่วงหน้าก่อนวันตรุษจีนเป็นอาทิตย์ และอย่าแปลกใจหากคุณเจอการเชิดสิงโตกันในห้างสรรพสินค้า เพราะชาวจีนเชื่อว่าเป็นการนำสิริมงคลมาให้ถึงที่ หากมาเที่ยวช่วงเทศกาลตรุษจีนก็ไม่ควรพลาดการแสดงเชิดสิงโตและมังกร รวมถึงอาหารประจำเทศกาลหรือ yee sang สลัดผักกับปลาดิบที่มีวิธีการกินอันเป็นเอกลักษณ์ โดยแต่ละคนจะใช้ตะเกียบคีบผักแล้วโยนขึ้นหลายครั้งก่อนกิน นับเป็นการเริ่มต้นวันปีใหม่ของชาวจีน ว่ากันว่ายิ่งโยนสูงเท่าไรก็จะยิ่งนำพาโชคดีมาให้คุณมากเท่านั้น

ไปเที่ยวไหน : วัดเทียนหัว (Thean Hou) วัดจีนที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประดับประดาด้วยโคมแดงนับพัน สวยงามตระการตา ผู้คนนิยมมาไหว้พระขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคลในการเริ่มต้นปีใหม่ และชมการแสดงเชิดสิงโตในช่วงเช้า หากคุณเป็นสายช้อป ช่วงนี้ตามห้างสรรพสินค้ามักเป็นช่วงลดราคากันแบบจุใจ ไม่ว่าจะเป็นห้าง Pavilion, Midvalley, 1 Utama หรือไปร่วมงานอีเวนต์ที่ Publika ก็ได้เช่นกัน

การเดินทาง : วัดเทียนหัวตั้งอยู่ที่ถนน Jalan Syed Putra ในช่วงเทศกาลตรุษจีนจะมีรถ Shuttle Bus จากสถานี KL Sentral ไปวัดเทียนหัวทุกๆ ครึ่งชั่วโมง หากไม่ใช่ช่วงเทศกาล การเดินทางไปวัดเทียนหัวที่สะดวกที่สุดคือการใช้บริการอูเบอร์หรือแกร็บ เพราะไม่มีรถขนส่งสาธารณะไปถึงวัดโดยตรง

3เทศกาล Hari Raya Aidilfitri
(วันที่ 15-17 มิถุนายน 2561)

Hariraya

วันฮารีรายาอิดิ้ลฟิตริถือเป็นเทศกาลใหญ่ประจำชาติอีกเทศกาลหนึ่งของชาวมุสลิมมาเลเซีย เป็นวันเฉลิมฉลองหลังเทศกาลถือศีลอดในเดือนรอมฎอนของชาวมุสลิม หลังการถือศีลอดหรือการอดอาหารตั้งแต่ดวงอาทิตย์ขึ้นจนดวงอาทิตย์ตกมา 1 เดือนเต็มก็ได้เวลาเฉลิมฉลองกันอย่างยิ่งใหญ่ แต่ละสถานที่ทั่วกรุงกัวลาลัมเปอร์ประดับประดาด้วยตะเกียง กระดาษสาน และสัญลักษณ์ต่างๆ ของเทศกาลฮารีรายา ซึ่งชาวมาเลเซียส่วนมากจะเดินทางกลับบ้านเกิดคล้ายช่วงเทศกาลสงกรานต์ของไทย การเฉลิมฉลองมีประมาณ 3 วัน สำหรับนักท่องเที่ยวอย่างเราช่วงเทศกาลนี้เป็นช่วงที่ดีในการช้อปปิ้ง เพราะเป็นช่วงเซลครั้งใหญ่ของปี รวมถึงการเก็บภาพความประทับใจของชาวมุสลิมในเสื้อผ้าชุดแต่งกายประจำชาติและได้ลองลิ้มชิมรสอาหารประจำชาติที่นิยมรับประทานในช่วงเทศกาล อาทิ Ketupat ข้าวต้มใบกะพ้อ, Rendang แกงเนื้อคล้ายพะแนงของไทยทานกับ Lemang หรือข้าวเหนียวหุงกับกะทิมีรสเค็มมัน

ไปเที่ยวไหน : หากต้องการเก็บภาพการทำพิธีของชาวมุสลิมในช่วงเช้าควรไปที่ Masjid Negara หรือมัสยิดกลางแห่งชาติที่มีสถาปัตยกรรมแนวอาหรับที่สวยงาม มัสยิดอีกแห่งหนึ่งที่สวยงามและถือเป็นที่ที่ควรไปเยือนก็คือ Masjid Putra หรือมัสยิดสีชมพูอันโด่งดัง เพียงแต่ช่วงทำพิธีจะห้ามคนเข้าไปในมัสยิด คุณสามารถเก็บภาพภายนอกได้ด้วยอาการสงบและสำรวมเท่านั้น ส่วนสายช้อปก็ไปตามห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ได้เลย

การเดินทาง : การเดินทางไปยังมัสยิดสีชมพูสามารถนั่งรถไฟ KLIA Transit ไปลงที่สถานี Putrajaya แล้วนั่งรถบัสหรือแท็กซี่ต่อไปยังมัสยิดสีชมพูประมาณ 10 นาที ส่วน Masjid Negara เพียงนั่งรถไฟ KTM จาก KL Sentral ไปยังสถานี Kuala Lumpur

4เทศกาล Deepavali/Diwali
(วันที่ 6 พฤศจิกายน 2561)

Diwali

เทศกาล Deepavali หรือ Festival of Lights เป็นเทศกาลสำคัญของชาวฮินดูรวมถึงชาวมาเลเซียเชื้อสายอินเดีย เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองที่ความดีชนะความชั่วร้าย และเป็นการรำลึกถึงการกลับมาสู่เมืองอโยธยาหลังออกจากเมืองไป 14 ปีของพระราม เทศกาลนี้ชาวอินเดียในมาเลเซียจะจุดตะเกียงน้ำมันประดับตามอาคารบ้านเรือนอย่างสว่างไสวและสวยงาม มีการจุดประทัดและพลุตลอดทั้งคืนเพื่อฉลองเทศกาลนี้ รวมถึงตามอาคารห้างสรรพสินค้าต่างๆ ก็ประดับตกแต่งด้วยตะเกียงน้ำมันและที่โดดเด่นที่สุดคือ Rangoli ซึ่งเป็นรูปแบบหนึ่งของศิลปะที่นิยมมากที่สุดในอินเดีย เป็นการวาดภาพด้วยทรายหรือผงสีบนพื้น มักใช้ในงานเทศกาล หมายถึงการต้อนรับขับสู้อย่างอบอุ่นของเจ้าบ้านต่อแขกที่มาเยือน ส่วนมากนิยมวาดเป็นรูปใบไม้ ดอกไม้ และนกยูง ดูสวยงามแปลกตา

ไปเที่ยวไหน : เทศกาล Deepavali ต้องไปวัดแขกเพื่อดูสถาปัตยกรรมอันสวยงามและพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ ในกัวลาลัมเปอร์มีย่าน Brickfields หรือลิตเติ้ลอินเดีย (Little India) เป็นย่านที่อยู่อาศัยและค้าขายของชาวมาเลเซียเชื้อสายอินเดีย มีอาคารบ้านเรือนแบบอินเดียที่โดดเด่น รวมถึงร้านค้า เสื้อผ้า ของใช้ และอาหารอินเดียที่หลากหลาย นอกจากนี้ยังเป็นที่ตั้งของวัดแขกที่สำคัญ ได้แก่ วัดศรีคันดาสวามีโควิล (Sri Kandaswamy Kovil Hindu Temple) วัดแขกขนาดใหญ่ที่มีสถาปัตยกรรมแบบฮินดูแท้ๆ ด้วย

การเดินทาง : การเดินทางไปยังวัดศรีคันดาสวามีโควิลและย่านลิตเติ้ลอินเดียนั้น จากสถานี KL Sentral ให้เดินทะลุห้าง NU Sentral ห้างสรรพสินค้าที่ตั้งอยู่ติดกับสถานีออกมาทางถนน Tun Sambanthan ก็จะพบกับย่าน Brickfields ที่เพียงเห็นการตกแต่งก็รู้ว่าตอนนี้คุณมาถึงย่านลิตเติ้ลอินเดียแล้วอย่างแน่นอน ส่วนวัดศรีคันดาสวามีโควิลตั้งอยู่ที่ถนน Tebling ริมแม่น้ำ Klang สามารถเดินไปจากห้างนิวเซ็นทรัลได้เช่นกัน


ขอบคุณข้อมูลจาก

iPricelogo_Email Signature_newtagline_color
iprice แหล่งช้อปปิ้งออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้